Docchula Community

แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ

กวาง

ตอนนี้ทำงานด้านสาธารณสุขมา 4 ปีแล้วครับ อายุก็ 26 นิดๆ
แต่รู้ตัวเองแล้วว่า ไม่อยากทำงานแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเป็นนักวิชาการแก่ๆ นั่งทำวิจัย ที่จะมีไครสนใจหรือเปล่าก็ไม่รู้

สังเกตอาชีพหมอ ได้ทำงานเป็นเนื้อเป็นหนัง ทำแล้วผิดก็เห็นผล ทำถูกก็เห็นผลกันตรงนั้น ไม่ต้องมานั่งเดาเอาว่าทำถูกหรือผิด
ส่วนเรื่องงานหนัก ไม่เกี่ยงครับ เพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็หนักมากกกก ทั้งงานประจำ งานพิเศษ เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ตามมาตรฐานที่คาดหวัง

ก็เลยอยากพลิกฟื้นชีวิตครั้งใหญ่ครับ ด้วยการไฝ่สูงมากๆ คือตั้งใจจะสอบแพทย์ให้ติดภายในปี 2554 นี้ ตอนนี้ก็เริ่มอ่านหนังสือไปได้นิดหน่อยแล้ว เพิ่งจบเคมีคำนวนไป (ต้องรีบอ่านก่อน เพราะเคมีอ่อนมาก)

ตอนนี้เริ่มเครียดแล้วครับ เพราะคิดว่าอาจอ่านหนังสือไม่ทัน และตอนนี้ก็บอกกับตัวเองว่า "ถ้าสอบไม่ติด มรึงหมามาก" เพราะเมื่อก่อนคนจบป.ตรีแล้วแทบไม่มีโอกาสได้สอบ แต่ตอนนี้ กสพท. เอื้อให้ทุกอย่างแล้ว เหลือแค่ตัวเราเท่านั้นว่าจะทำได้หรือเปล่า

แนวทางการอ่านหนังสือของผมแบบนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ ที่ต้องถามเพราะไม่รู้ว่าคนเก่งๆ เค้ามีวิธีการอย่างไรในการอ่านหนังสือเพื่อให้ทำข้อสอบได้ (ผมสมองพอไปได้ครับ คืออ่านอะไรก็รู้เรื่องหมด แต่จะทำข้อสอบได้หรือไม่นั้นอีกเรื่องนึง)

1.ผมอ่านเนื้อหาส่วนที่ต้องทำความเข้าใจก่อน ลองทำโจทย์ดู ถ้าทำได้ ก็โอเค ผ่าน ไปเรื่องต่อไป (โจทย์บางข้อที่พลิกแพลงมากๆ จะยังทำไม่ได้ครับต้องแอบบดูเฉลย)

2.ไล่อ่านเคมีคำนวน ฟิสิกส์ คณิต ส่วนชีวะนั้น อ่านเป็นประจำครับ เพราะรู้สึกเนื้อหามันเยอะมากกกกกก แต่ก็จะอ่านเน้นในส่วนที่ต้องทำความเข้าใจก่อน เช่น วัฎจักรต่าง ๆ กระบวนการสังเคราะห์ต่างๆ อะไรแบบนี้ครับ

3.วิชาที่ต้องจำ กะว่าจะอ่านแบบผ่าน ๆ แล้วไปเน้นท่องให้มาก ๆ ในช่วงใกล้สอบครับ เพราะอะไรที่เป็นความจำเป็นไม่มีหลักการ จะจำได้ไม่นาน

4.ภาษาไทย และ สังคม เก็บคะแนนน้อยมาก เอาไว้ไปอ่านช่วงใกล้ๆสอบ

5.วิชาที่ควรเน้นคือ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิชาเฉพาะ เพราะคะแนนเยอะมาก

และสุดท้าย เห็นกระทู้ล่าง ๆ บอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถ้าแบบนั้นความหวังผมก็ยิ่งริบหรี่ไปอีก เพราะแม้จะอ่านรู้เรื่องเข้าใจ ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้คะแนนได้เกือบเต็มแบบนั้นอ่ะครับ

อยากขอคำชี้แนะจากพี่คนเก่งหน่อยครับ
ถือว่าสงเคราะห์คนที่อยากพลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด ในชีวิตที่เกิดมาครั้งเดียว

ขอบคุณครับ

แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ

KET

ถ้าเกิดติดขึ้นมา
แล้วต้องมาเรียนกับเด็กอายุ 15 16 17 18 19 ได้เนี่ย

ก็แล้วแต่อ่ะค่ะ

- -

แต่หนูยัง 16 รู้สึกเด็กจังเลย 555

Offline KiaGz!~

  • Knight of Fourteen
  • *****
  • 5587
  • 74
มันต่างกะอีกกระทู้อย่างไรล่ะนี่ ทำไมมีแต่คนตอบกระทู้นี้ 555+


เรื่องแนวทางการอ่านหนังสือก็แล้วแต่คนแหละครับ ลางเนื้อชอบลางยา ไปถามดูในคณะคงไม่ซ้ำกันเท่าไร

วิธีอ่านหนังสือ search ในบอร์ดนี้ก็คงมีเยอะ ก็ลองหาวิธีที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองและทำได้จริงละกันครับ

แบบที่เขียนมาก็คิดว่าโอเคนะครับ แต่ที่สำคัญคือจะแบ่งเวลาและทำอย่างที่วางแผนไว้ในช่วงใกล้สอบได้รึเปล่านี่สิ ^^?


เรื่องได้เต็มนี่คงไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกครับ คะแนนต่ำสุดคงไม่เกิน 65%

นั่นหมายความว่าได้ทุกวิชาขั้นต่ำ 65% ก็ติดได้ ไม่้จำเป็นต้องถึง 100%

แค่ได้สูง ๆ แต่ไม่ต้องถึง 100% ก็ใช้ดึงวิชาอื่นได้ดีแล้วครับ ^^"


สุดท้ายก็ตัดสินใจดี ๆ ละกันครับ อายุมากกว่า 26 และเรียนอยู่ตอนนี้ก็มีแหละ

ถ้ามั่นใจว่าเข้ามาเรียนแล้วจะมีความสุขก็พยายามให้เต็มที่ละกันครับ โชคดีเน่อ ^^"

Offline Kudoconan

  • *
  • 1093
  • 14
แหม่ ...  คงต้องให้พี่กัน มาตอบแบบละเอียดซะละมั้งครับ แบบนี้  ;D


ถ้าจะให้แนะนำ นะครับ

เน้น เลข วิทย์ อังกฤษ น่ะครับ
ความถนัดแพทย์ เน้น เชื่อมโยง

เท่านี้แหละครับ

ไทยสังคม อ่านเอาพอรู้พอครับ ไม่ต้องจริงจัง มันถ่วงน้อย
แล้วคนอ่านไม่อ่าน ส่วนใหญ่คะแนนก็หนีกันไม่มากครับ



ความถนัด ไอคิว จริยธรรม
ปล่อยไปเถอะครับ  ;D
Quote
2.อ่านวิชาเฉพาะไปเยอะๆ โดยเฉพาะส่วนของตรรกะ และ เชื่อมโยง (ศีลธรรม ผมทำข้อสอบไม่ค่อยถูกเลย)
คือ มันไม่มีอะไรให้อ่านน่ะครับ  ฝึกทำก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยเท่าไหร่
ข้อสอบมันออกมาเพื่อวัดเราจริงๆน่ะครับ   
ที่อยากให้เน้นคือเชื่อมโยงน่ะครับ อันนี้สำคัญมากกกกกกก
ชี้เป็นชี้ตายได้ทีเดียว หุๆ


ตามตารางที่ว่ามา ผมว่าโอเคนะครับ
ตัดๆ บางส่่วนที่ไม่จำเปนตามที่ผมได้แนะนำไปข้างต้น

คะแนนต้องเกือบเต็มมั้ย...
ไม่ต้องครับ
พี่ลองประเมินคะแนน จากการทำข้อสอบ anet ปีก่อนๆดูก็ได้อ่าครับ
แล้วมาคำนวนๆดู ว่างานนี้ได้เสียวมากน้อยแค่ไหน

ถ้า คะแนน เลข วิทย์ อังกฤษดี มันฉุดขึ้นได้เยอะอ่ะครับ


ถ้าไงลองตั้งใจตั้งแต่ปีนี้เลยก็ได้ครับ
สู้ๆครับ

天青色等煙雨 而我在等妳

Offline Alistair*

  • *
  • 1377
  • 10
  • One who lives in imaginary world.

และสุดท้าย เห็นกระทู้ล่าง ๆ บอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถ้าแบบนั้นความหวังผมก็ยิ่งริบหรี่ไปอีก เพราะแม้จะอ่านรู้เรื่องเข้าใจ ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้คะแนนได้เกือบเต็มแบบนั้นอ่ะครับ



พี่คะ
มันเป็นการประชดอะค่ะ  :P
ไม่คิดว่าจะมีคนจริงจังขนาดนี้

คนได้เลขกับวิทย์เอเน็ตเต็ม มีน้อยมากๆๆๆ
ตัวเราเอง ไม่มีเอเน็ตวิชาไหนได้ถึง 70 เลย
แต่ก็เข้ามาได้นะ  :)
ทำความถนัดแพทย์ให้น่าไว้วางใจได้หน่อยก็โอเคแล้วค่ะ



ความฝัน มันพิเศษตรงที่ว่ามีเราเท่านั้นที่รู้

Offline Gun

  • *
  • 987
  • 39
แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ


...ผมอ่านที่เจ้าของกระทู้เขียน แล้วเดาเอาว่าเจ้าของกระทู้คงกำลังกังวลเกี่ยวกับ
1 รายได้
2 ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
3 อนาคตของตัวเอง
4 สุขภาพของตัวเอง เนื่องจากทำงานหนัก

หรือหลายๆปัจจัยข้างต้นรวมๆกันจนทำให้คิดหาทางออกอื่น และเจ้าของกระทู้คงเจออะไรหนักๆในชีวิตมา แต่มันก็ทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งขึ้น
จริงๆแล้วผมชอบที่จะเห็นคนที่กล้าตัดสินใจทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมแบบคุณครับ และชอบในสิ่งที่คุณคิดและเป็นอยู่
แต่ผมไม่คิดว่าการเรียนหมอจะสามารถแก้ปัญหาการดำรงชีวิตอยู่ได้ตามมาตรฐานที่คาดหวังของคุณได้เลย
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาตรฐานที่คาดหวังของคุณ มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง หรือคุณคิดขึ้นมาลอยๆ

เรื่องการนั่งทำวิจัยที่จะมีไครสนใจหรือเปล่าก็ไม่รู้นั้น . . .
ไม่ว่าจะมีใครจะสนใจหรือไม่ก็ตาม ถ้าคุณเลือกที่จะทำมัน คุณก็มีความสุขกับมันอยู่แล้วครับ และคงจะทำได้ดีกว่าคนอื่นด้วย

ส่วนเรื่องวัย
นิสิตที่นี่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีวุฒิภาวะสูงเทียบเท่ากับผู้ใหญ่
ดังนั้น ถึงแม้คุณจะอายุมากกว่าพวกเขา แต่ความจริงแล้วแนวความคิดหลายๆอย่างของพวกเขาดีกว่าที่ผู้ใหญ่ส่วนมากคิดได้เสียอีก
พวกเขาไม่ใช่เด็กๆครับ พวกเขาเป็นอนาคตที่สังคมคาดหวังและรอคอย
การได้ร่วมกับพวกเขาเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมควรเป็นความภาคภูมิใจของคุณ

ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(เด็กที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)เพื่อให้ไปอ่านหนังสือกันครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ

ส่วนเรื่องการเตรียมสอบ คงต้องถามคนที่เก่งๆแล้วละครับ ผมช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

ปล ผมรู้จักนิสิตที่หน้าตาดีและนิสัยดีคนหนึ่ง ที่จบมหาวิทยาลัยแล้วมาเรียนหมออยู่ปี1 แต่รู้สึกว่าเป้าหมายของเขาจะต่างจากของคุณครับ
     
« Last Edit: August 31, 2009, 07:46:46 pm by DrGun »

Offline Major

  • *****
  • 1402
  • 156
    • Docchula
แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ

มาเห็นด้วยกับอาจารย์อีกคนครับ

ผมเชื่อว่าทุกอาชีพก็มีปัญหาของมันเองครับ อยู่ที่เราจะสามารถอดทนและแก้ไขปัญหานั้นจนเราสามารถผ่านมาได้หรือเปล่า

ลองคิดดูง่ายๆ นะครับว่า เวลาตอนนี้ที่คุณเจ้าของกระทู้เอามาอ่านหนังสือเตรียมสอบ ไปอีกปีสองปี เพื่อมาเตรียมสอบ ถ้าได้ก็ดีไปครับ

แต่ถ้าสอบไม่ได้ คุณไม่คิดว่าจะเสียเวลาเปล่าหรือครับ แทนที่คุณจะเอาเวลาที่มีค่าเหล่านี้ไปพัฒนาหน้าที่การงานของคุณให้ดีขึ้น

ไม่แน่ว่า ถ้าคุณทุ่มเทกับการทำงานอย่างจริงจัง และเห็นค่าของงานที่คุณทำอย่างแท้จริงแล้ว อะไรๆ ก็จะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ครับ

บางทีคุณอาจจะเป็นที่หนึ่งในสาขางานที่คุณกำลังรับผิดชอบอยู่ก็ได้ และถ้าคุณอยากจะพลิกฟื้นชีวิตจริงๆ ทำไมไม่ลองมองการศึกษาเพื่อต่อยอดจากสิ่งเดิมที่คุณมีอยู่แล้วล่ะครับ เป็นการศึกษาเพื่อเติมเต็มที่สิ่งที่คุณยังขาดอยู่และมีประโยชน์โดยตรงกับงานที่คุณทำจริงๆ

การที่คุณตัิดสินใจเริ่มอ่านหนังสือเพื่อสอบใหม่ ก็เหมือนคุณเริ่มต้นใหม่ เริ่มจาก"ศูนย์" กับเส้นทางที่คุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

คำถามแรกที่คุณควรจะตอบตัวเองให้ได้คือ แล้วถ้าสุดท้ายหมอไม่ได้ให้อะไรอย่างที่คุณคาดหวังตอนนี้ล่ะ คุณจะทำอย่างไร

ชีวิตผ่านแล้วผ่านเลยนะครับ อายุ 26 ปี กำลังอยู่ในวัยทำงานครับ ยังมีพลังอยู่ ทำงานหนักวันนี้นอนพักวันพรุ่งนี้ก็ลุยงานหนักได้ต่อ แต่ไม่ใช่สำหรับคนอายุ 30-40 ปี ที่ร่างกายก็เริ่มเสื่อมถอยลงตามเวลา ถึงตอนนั้นต่อให้คุณอยากโหมทำงาน ร่างกายก็ไม่ไหวอยู่ดีครับ

ผมอยากให้คุณคิดให้ดีอีกครั้งนะครับ เอาพลังที่คุณมีอยู่ตอนนี้มาสร้างรากฐานของชีวิตการทำงานของคุณให้ดีที่สุดดีกว่าครับ ตั้งใจทำงานทำหน้าที่ของคุณให้ดี เอาเวลาที่คุณจะอ่านหนังสือเพื่อสอบใหม่ มาพัฒนาสิ่งที่คุณทำอยู่ให้ดีที่สุดดีกว่า

คิดดูสิครับว่า 6-7 ปีต่อจากนี้ (ที่คุณกำลังจะเสียไป ถ้าคุณสอบเข้าหมอได้ และจะมาเรียนหมอจริงๆ) คุณจะพัฒนาอาชีพและงานของคุณได้อย่างไรบ้าง

และคิดต่ออีกนิดว่า 6-7 ปีต่อจากนี้ ถ้าคุณมาเป็นหมอ คุณเพิ่งเริ่มนับ 1 นะครับ เป็นแค่แพทย์ใช้ทุน ถ้าคุณคิดว่าจะจบเป็นแพทย์เฉพาะทาง ก็คง 40 ปีพอดี

อยากให้ลองคิดไตร่ตรองใหม่อีกซักรอบนะครับ ทุกอาชีพมีปัญหาของตัวเอง และทุกอาชีิพมีคุณค่าในตัวมันเอง

ผมอยากให้คุณเห็นคุณค่าในงานที่คุณกำลังทำ เช่นเดียวกับที่คุณกำลังมองไปที่คุณค่าของการทำงานเป็นแพทย์

จริงๆ แ้ล้ว ก็ไม่มีอาชีพไหนให้เราได้ทุกอย่างหรอกครับ อยู่ที่เราจะปรับความความคาดหวังของตัวเราเองให้สอดคล้องกับสิ่งที่เรามีอยู่ และพัฒนาสิ่งเหล่านั้นให้ดีที่สุด แล้วคุณก็จะมีความสุขไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามครับ
จะแน่วแน่แก้ไขในสิ่งผิด
จะรักชาติจนชีวิตเป็นผุยผง
จะยอมตายหมายให้เกียรติดำรง
จะปิดทองหลังองค์พระปฏิมา

แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ


...ผมอ่านที่เจ้าของกระทู้เขียน แล้วเดาเอาว่าเจ้าของกระทู้คงกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับ
1 รายได้
2 ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
3 อนาคตของตัวเอง
4 สุขภาพของตัวเอง เนื่องจากทำงานหนัก

หรือหลายๆปัจจัยข้างต้นรวมๆกันจนทำให้คิดหาทางออกอื่น และเจ้าของกระทู้คงเจออะไรหนักๆในชีวิตมา แต่มันก็ทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งขึ้น
จริงๆแล้วผมชอบที่จะเห็นคนที่กล้าตัดสินใจทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมแบบคุณครับ และชอบในสิ่งที่คุณคิดและเป็นอยู่
แต่ผมไม่คิดว่าการเรียนหมอจะสามารถแก้ปัญหาการดำรงชีวิตอยู่ได้ตามมาตรฐานที่คาดหวังของคุณได้เลย
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาตรฐานที่คาดหวังของคุณ มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง หรือคุณคิดขึ้นมาลอยๆ

เรื่องการนั่งทำวิจัยที่จะมีไครสนใจหรือเปล่าก็ไม่รู้นั้น . . .
ไม่ว่าจะมีใครจะสนใจหรือไม่ก็ตาม ถ้าคุณเลือกที่จะทำมัน คุณก็มีความสุขกับมันอยู่แล้วครับ และคงจะทำได้ดีกว่าคนอื่นด้วย

ส่วนเรื่องวัย
นิสิตที่นี่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีวุฒิภาวะสูงเทียบเท่ากับผู้ใหญ่
ดังนั้น ถึงแม้คุณจะอายุมากกว่าพวกเขา แต่ความจริงแล้วแนวความคิดหลายๆอย่างของพวกเขาดีกว่าที่ผู้ใหญ่ส่วนมากคิดได้เสียอีก
พวกเขาไม่ใช่เด็กๆครับ พวกเขาเป็นอนาคตที่สังคมคาดหวังและรอคอย
การได้ร่วมกับพวกเขาเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมควรเป็นความภาคภูมิใจของคุณ

ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(ที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)ให้ไปอ่านหนังสือครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ

ส่วนเรื่องการเตรียมสอบ คงต้องถามคนที่เก่งๆแล้วละครับ ผมช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

ปล ผมรู้จักนิสิตที่หน้าตาดีและนิสัยดีคนหนึ่ง ที่จบมหาวิทยาลัยแล้วมาเรียนหมออยู่ปี1 แต่รู้สึกว่าเป้าหมายของเขาจะต่างจากของคุณครับ     

อ๊ะ!! ยังไง

Ne-Yo

มีคนตอบยาวๆ เยอะแล้ว ผมขอตอบสั้นๆ ละกัน

1. สู้เด็กได้มั้ย ได้ครับ ถ้าพยายามจริง
George Elliot เคยพูดไว้ว่า "ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเลือกคนที่คุณควรจะเป็น"
แต่จากที่คุณพูดว่า
และสุดท้าย เห็นกระทู้ล่าง ๆ บอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถ้าแบบนั้นความหวังผมก็ยิ่งริบหรี่ไปอีก เพราะแม้จะอ่านรู้เรื่องเข้าใจ ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้คะแนนได้เกือบเต็มแบบนั้นอ่ะครับ
อันนั้นมาตรฐานสูงไปครับ มันไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ได้เกือบ 100 ก็จริง
แต่คุณคิดจะลดมาตรฐานของตัวคุณเอง โดยการบอกว่าเราไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนั้น
ผมไม่เห็นด้วยครับ
การยอมลดมาตรฐานลงมา ย่อมง่ายกว่าการขยับมาตรฐานตัวเองให้สูงขึ้น หากคุณไม่คิดจะก้าวให้เหนือกว่าสิ่งที่คุณควบคุมได้ คุณจะไม่มีวันเติบโตได้เลย
ในการทำงานของแพทย์ ต้องเจอกับแรงกดดันอย่างมาก ทั้งจากผู้ป่วย จากสภาพแวดล้อม จากสภาวะจิตใจของเราเอง
ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณต้องทำการผ่าตัดผู้ป่วยรายหนึ่ง ซึ่งโอกาสเสียชีวิตสูงมาก หากไม่ทำการผ่าตัด
แต่โอกาสผ่าตัดสำเร็จนั้นก็ริบหรี่พอดู คุณยังจะบอกได้อีกมั้ยครับว่า "เราไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนั้น"

2.
ไล่อ่านเคมีคำนวน ฟิสิกส์ คณิต ส่วนชีวะนั้น อ่านเป็นประจำครับ เพราะรู้สึกว่าเนื้อหามันเยอะมากกกกกก แต่ก็จะอ่านเน้นในส่วนของที่ต้องทำความเข้าใจก่อน เช่นวัฎจักรต่าง ๆ กระบวนการสังเคราะห์ต่างๆ อะไรแบบนี้ครับ
เนื้อหาชีวะตลอด 3 ปี ยังหนาไม่เท่าสรีรวิทยาแค่เทอมเดียวเลยครับ

ปล. New Tract ที่แก่ ๆ เข้าปี 1 ตอนอายุ 30 ก็มีครับ

ไม่ใช่พี่ และเรียนไม่เก่ง  :P แต่เข้ามาเห็นด้วยค่ะว่าคะแนนภาษาอังกฤษถือว่าสำคัญเลยค่ะ เพราะคนไม่ถนัดก็ไม่ถนัดจริง ๆ แต่จริง ๆ ตัวข้อสอบเก็บคะแนนได้ง่าย(กว่าวิชาอื่นที่เวจน้ำหนักเท่ากันหรือมากกว่า ไม่รู้ตอนนี้เค้าใช้ระบบไหนกันแล้ว  :-X) ใช้เป็นตัวตัดได้เหมือนกัน

อายุไม่เกี่ยงหรอกค่ะ เพียงแต่ต้องอาศัยการปรับตัวอย่างสูง  :P คณะนี้เดิมทีเรื่องเรียนก็ต้องปรับตัวตามความโหดที่เพิ่มขึ้นแต่ละปีอยู่แล้ว ในกรณีของพี่คิดว่าก็อาจจะต้องปรับตัวด้านสิ่งแวดล้อมแล้วก็มุมมองหลาย ๆ อย่างด้วยน่ะค่ะ อาจจะต้องมองอะไรแบบวัยจ๊าบจะได้กลมกลืนไปกับน้อง ๆ  :D

"I'm just a small man. My heart is moved by what's in front of me, rather than what the world as a whole needs
Walker Allen

KET

แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ

เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ


กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสส อาจารย์หรอคะ

สวัสดีค่ะอาจารย์คณะแพทย์จุฬาฯหนูขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ในปีการศึกษาหน้านี้นะคะ !
(555ไม่ติดขายหน้าแย่ - -)

KET


ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(เด็กที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)เพื่อให้ไปอ่านหนังสือกันครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ


เหมือนพี่จะไล่หนู

ไปก็ได้ 555+

Offline DanTrolene~*

  • สมาชิกอัครอมตะอภิมหาบรมดุษฎีกิตติมศักดิ์ทั่วหล้าประจักษ์ทุกแห่งหนสาธุชนเลื่องลือนามระ
  • *
  • 4671
  • 123
ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(เด็กที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)เพื่อให้ไปอ่านหนังสือกันครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ

กรี๊ด บอกความจิงอย่างงี้ ต่อไปเดี๋ยวก้อหลอกไม่ได้อ่ะจิ

55555

Offline -:•:- 騎馬王丸 -:•:-

  • ผู้พิทักษ์แหวนแห่งเมฆา
  • *
  • 1662
  • 7
ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(เด็กที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)เพื่อให้ไปอ่านหนังสือกันครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ

กรี๊ด บอกความจิงอย่างงี้ ต่อไปเดี๋ยวก้อหลอกไม่ได้อ่ะจิ

55555
หลอกกันไปหลอกกันมา สนุกดีชะเอิ่งเอย


น้องหมอตัวน้อยๆ ณ รพ.พระปกเกล้า