Docchula Community

แพทย์เรียนเรื่องยาเหมือนเภสัชรึป่าวค่ะ

bin

แพทย์เรียนเรื่องยาเหมือนเภสัชรึป่าวค่ะ
« Last Edit: November 09, 2009, 09:33:59 pm by ไปป์ »

Offline TaNtaLuM

  • *
  • 544
  • 1

ไม่รู้สิ
คงมีทั้งเหมือนและไม่เหมือนแหละ
แต่เภสัชก้ต้องเรียนในด้านที่เค้าจะเอาไปใช้เยอะกว่าป้ะ

Offline lจ้าxญิงทoผ้า

  • *
  • 2274
  • 8
  • แกะละเมอ
ตัวพี่เองก็ไม่ทราบว่าทางคณะเภสัชเรียนอย่างไร
แต่พี่เรียนเกี่ยวกัยยาแต่ละกลุ่ม  มียาอะไรบ้าง   กลไกการออกฤทธิ์เป็นอย่างไร  ใช้รักษาโรคอะไร
ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง  ควรให้หรือไม่ให้คุ่กับยากลุ่มใด  ผู้ป่วยใดควรหลีกเลี่ยงยาตัวนี้
ต้องทราบว่ายาที่ให้ผลการรักษาคล้ายคลึงกันควรเลือกใช้ยาตัวใดก่อน  ยาตัวใดควรเก็บไว้ใช้เมื่อจำเป็น
ขนาดยาที่ใช้ต้องใช้อย่างไร  ก็อะไรประมาณนี้
ซึ่ง.............มันเยอะมากๆเลยน้อง   :'(

Offline DanTrolene~*

  • สมาชิกอัครอมตะอภิมหาบรมดุษฎีกิตติมศักดิ์ทั่วหล้าประจักษ์ทุกแห่งหนสาธุชนเลื่องลือนามระ
  • *
  • 4671
  • 123
เภสัช จะเรียนไปทางการผลิตยาด้วยครับ ว่ากว่าจะได้ยา มีที่มาที่ไปอย่างไร
รวมถึงกลไกการออกฤทธิ์ในเชิงลึก (กว่า)

แพทย์เรียนแค่การนำยาไปใช้ทางคลินิกครับ

Offline 48

  • *****
  • 3324
  • 638
(อ้างอิงจากประสบการณ์ที่พี่เคยไปช่วยงานด้านการเรียนการสอนของคณะเภสัชศาสตร์ของ 2 สถาบันนะครับ)

ในปัจจุบันหลักสูตรเภสัชศาสตรบัณฑิตจะแบ่งเป็น 2 สาขาใหญ่ๆ คือ clinical pharmacy กับ pharmaceutical science

ถ้าเป็น pharmaceutical science จะเน้นเกี่ยวกับกระบวนการผลิตยา
(แต่ก็ต้องรู้เกี่ยวกับ clinical pharmacy บ้าง)

ถ้าเป็นทางด้าน clinical pharmacy จะเรียนคล้ายๆ กับหมอ
คือ เรียนเพื่อเป็นเภสัชกรที่คอยจ่ายยา/ให้คำแนะนำเรื่องยาให้กับผู้ป่วย
ในสาขานี้เภสัชกรจะเรียนรู้เกี่ยวกับ "โรค" อยู่บ้าง (แต่ไม่มาก/ละเอียดเท่าหมอ)
แต่ควรจะต้องรู้เรื่องยาละเอียดกว่าหมอ เช่น การคำนวณขนาดยาในผู้ป่วยโรคไต โรคตับ ฯลฯ

อย่างไรก็ตาม ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นแพทย์ เภสัชกร บุคลากรด้านสาธารณสุข ตลอดจนบุคคลทั่วไป
ก็สามารถมีความรู้เกี่ยวกับยาได้ไม่แตกต่างกัน
ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสืบค้นข้อมูล ความรู้เกี่ยวกับแหล่งข้อมูล การเข้าถึงแหล่งข้อมูล
และการประเมินความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูลของแต่ละบุคคลครับ
การหัดคิดใคร่ครวญให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ แล้วยอมรับผลที่ตามมาจากการตัดสินใจของตนเอง (ไม่ใช่คอยแต่จะคร่ำครวญ)
เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการสร้าง "ภูมิต้านทานชีวิต" เอาไว้รับมือกับความผิดหวังที่จะเข้ามาในอนาคต
เพื่อที่น้องจะได้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็ง และสามารถเป็นที่พักพิงให้กับ "น้องรุ่นต่อๆ ไป" ได้