Docchula Community

Docchula Public Board => แนะนำการศึกษาต่อคณะแพทย์จุฬาฯ => Topic started by: กวาง on August 31, 2009, 12:18:48 pm

Title: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: กวาง on August 31, 2009, 12:18:48 pm
ตอนนี้ทำงานด้านสาธารณสุขมา 4 ปีแล้วครับ อายุก็ 26 นิดๆ
แต่รู้ตัวเองแล้วว่า ไม่อยากทำงานแบบนี้ไปเรื่อยๆ แล้วเป็นนักวิชาการแก่ๆ นั่งทำวิจัย ที่จะมีไครสนใจหรือเปล่าก็ไม่รู้

สังเกตอาชีพหมอ ได้ทำงานเป็นเนื้อเป็นหนัง ทำแล้วผิดก็เห็นผล ทำถูกก็เห็นผลกันตรงนั้น ไม่ต้องมานั่งเดาเอาว่าทำถูกหรือผิด
ส่วนเรื่องงานหนัก ไม่เกี่ยงครับ เพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ก็หนักมากกกก ทั้งงานประจำ งานพิเศษ เพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ได้ตามมาตรฐานที่คาดหวัง

ก็เลยอยากพลิกฟื้นชีวิตครั้งใหญ่ครับ ด้วยการไฝ่สูงมากๆ คือตั้งใจจะสอบแพทย์ให้ติดภายในปี 2554 นี้ ตอนนี้ก็เริ่มอ่านหนังสือไปได้นิดหน่อยแล้ว เพิ่งจบเคมีคำนวนไป (ต้องรีบอ่านก่อน เพราะเคมีอ่อนมาก)

ตอนนี้เริ่มเครียดแล้วครับ เพราะคิดว่าอาจอ่านหนังสือไม่ทัน และตอนนี้ก็บอกกับตัวเองว่า "ถ้าสอบไม่ติด มรึงหมามาก" เพราะเมื่อก่อนคนจบป.ตรีแล้วแทบไม่มีโอกาสได้สอบ แต่ตอนนี้ กสพท. เอื้อให้ทุกอย่างแล้ว เหลือแค่ตัวเราเท่านั้นว่าจะทำได้หรือเปล่า

แนวทางการอ่านหนังสือของผมแบบนี้ถูกต้องหรือเปล่าครับ ที่ต้องถามเพราะไม่รู้ว่าคนเก่งๆ เค้ามีวิธีการอย่างไรในการอ่านหนังสือเพื่อให้ทำข้อสอบได้ (ผมสมองพอไปได้ครับ คืออ่านอะไรก็รู้เรื่องหมด แต่จะทำข้อสอบได้หรือไม่นั้นอีกเรื่องนึง)

1.ผมอ่านเนื้อหาส่วนที่ต้องทำความเข้าใจก่อน ลองทำโจทย์ดู ถ้าทำได้ ก็โอเค ผ่าน ไปเรื่องต่อไป (โจทย์บางข้อที่พลิกแพลงมากๆ จะยังทำไม่ได้ครับต้องแอบบดูเฉลย)

2.ไล่อ่านเคมีคำนวน ฟิสิกส์ คณิต ส่วนชีวะนั้น อ่านเป็นประจำครับ เพราะรู้สึกเนื้อหามันเยอะมากกกกกก แต่ก็จะอ่านเน้นในส่วนที่ต้องทำความเข้าใจก่อน เช่น วัฎจักรต่าง ๆ กระบวนการสังเคราะห์ต่างๆ อะไรแบบนี้ครับ

3.วิชาที่ต้องจำ กะว่าจะอ่านแบบผ่าน ๆ แล้วไปเน้นท่องให้มาก ๆ ในช่วงใกล้สอบครับ เพราะอะไรที่เป็นความจำเป็นไม่มีหลักการ จะจำได้ไม่นาน

4.ภาษาไทย และ สังคม เก็บคะแนนน้อยมาก เอาไว้ไปอ่านช่วงใกล้ๆสอบ

5.วิชาที่ควรเน้นคือ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ และวิชาเฉพาะ เพราะคะแนนเยอะมาก

และสุดท้าย เห็นกระทู้ล่าง ๆ บอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถ้าแบบนั้นความหวังผมก็ยิ่งริบหรี่ไปอีก เพราะแม้จะอ่านรู้เรื่องเข้าใจ ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้คะแนนได้เกือบเต็มแบบนั้นอ่ะครับ

อยากขอคำชี้แนะจากพี่คนเก่งหน่อยครับ
ถือว่าสงเคราะห์คนที่อยากพลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด ในชีวิตที่เกิดมาครั้งเดียว

ขอบคุณครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: doctorpuchong on August 31, 2009, 12:28:38 pm
แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on August 31, 2009, 01:24:57 pm
ถ้าเกิดติดขึ้นมา
แล้วต้องมาเรียนกับเด็กอายุ 15 16 17 18 19 ได้เนี่ย

ก็แล้วแต่อ่ะค่ะ

- -

แต่หนูยัง 16 รู้สึกเด็กจังเลย 555
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KiaGz!~ on August 31, 2009, 04:29:06 pm
มันต่างกะอีกกระทู้อย่างไรล่ะนี่ ทำไมมีแต่คนตอบกระทู้นี้ 555+


เรื่องแนวทางการอ่านหนังสือก็แล้วแต่คนแหละครับ ลางเนื้อชอบลางยา ไปถามดูในคณะคงไม่ซ้ำกันเท่าไร

วิธีอ่านหนังสือ search ในบอร์ดนี้ก็คงมีเยอะ ก็ลองหาวิธีที่คิดว่าเหมาะกับตัวเองและทำได้จริงละกันครับ

แบบที่เขียนมาก็คิดว่าโอเคนะครับ แต่ที่สำคัญคือจะแบ่งเวลาและทำอย่างที่วางแผนไว้ในช่วงใกล้สอบได้รึเปล่านี่สิ ^^?


เรื่องได้เต็มนี่คงไม่ต้องถึงขั้นนั้นหรอกครับ คะแนนต่ำสุดคงไม่เกิน 65%

นั่นหมายความว่าได้ทุกวิชาขั้นต่ำ 65% ก็ติดได้ ไม่้จำเป็นต้องถึง 100%

แค่ได้สูง ๆ แต่ไม่ต้องถึง 100% ก็ใช้ดึงวิชาอื่นได้ดีแล้วครับ ^^"


สุดท้ายก็ตัดสินใจดี ๆ ละกันครับ อายุมากกว่า 26 และเรียนอยู่ตอนนี้ก็มีแหละ

ถ้ามั่นใจว่าเข้ามาเรียนแล้วจะมีความสุขก็พยายามให้เต็มที่ละกันครับ โชคดีเน่อ ^^"
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Kudoconan on August 31, 2009, 04:32:01 pm
แหม่ ...  คงต้องให้พี่กัน มาตอบแบบละเอียดซะละมั้งครับ แบบนี้  ;D


ถ้าจะให้แนะนำ นะครับ

เน้น เลข วิทย์ อังกฤษ น่ะครับ
ความถนัดแพทย์ เน้น เชื่อมโยง

เท่านี้แหละครับ

ไทยสังคม อ่านเอาพอรู้พอครับ ไม่ต้องจริงจัง มันถ่วงน้อย
แล้วคนอ่านไม่อ่าน ส่วนใหญ่คะแนนก็หนีกันไม่มากครับ



ความถนัด ไอคิว จริยธรรม
ปล่อยไปเถอะครับ  ;D
Quote
2.อ่านวิชาเฉพาะไปเยอะๆ โดยเฉพาะส่วนของตรรกะ และ เชื่อมโยง (ศีลธรรม ผมทำข้อสอบไม่ค่อยถูกเลย)
คือ มันไม่มีอะไรให้อ่านน่ะครับ  ฝึกทำก็ไม่ใช่ว่าจะช่วยเท่าไหร่
ข้อสอบมันออกมาเพื่อวัดเราจริงๆน่ะครับ   
ที่อยากให้เน้นคือเชื่อมโยงน่ะครับ อันนี้สำคัญมากกกกกกก
ชี้เป็นชี้ตายได้ทีเดียว หุๆ


ตามตารางที่ว่ามา ผมว่าโอเคนะครับ
ตัดๆ บางส่่วนที่ไม่จำเปนตามที่ผมได้แนะนำไปข้างต้น

คะแนนต้องเกือบเต็มมั้ย...
ไม่ต้องครับ
พี่ลองประเมินคะแนน จากการทำข้อสอบ anet ปีก่อนๆดูก็ได้อ่าครับ
แล้วมาคำนวนๆดู ว่างานนี้ได้เสียวมากน้อยแค่ไหน

ถ้า คะแนน เลข วิทย์ อังกฤษดี มันฉุดขึ้นได้เยอะอ่ะครับ


ถ้าไงลองตั้งใจตั้งแต่ปีนี้เลยก็ได้ครับ
สู้ๆครับ

Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Alistair* on August 31, 2009, 04:57:51 pm

และสุดท้าย เห็นกระทู้ล่าง ๆ บอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถ้าแบบนั้นความหวังผมก็ยิ่งริบหรี่ไปอีก เพราะแม้จะอ่านรู้เรื่องเข้าใจ ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้คะแนนได้เกือบเต็มแบบนั้นอ่ะครับ



พี่คะ
มันเป็นการประชดอะค่ะ  :P
ไม่คิดว่าจะมีคนจริงจังขนาดนี้

คนได้เลขกับวิทย์เอเน็ตเต็ม มีน้อยมากๆๆๆ
ตัวเราเอง ไม่มีเอเน็ตวิชาไหนได้ถึง 70 เลย
แต่ก็เข้ามาได้นะ  :)
ทำความถนัดแพทย์ให้น่าไว้วางใจได้หน่อยก็โอเคแล้วค่ะ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Gun on August 31, 2009, 05:39:43 pm
แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ


...ผมอ่านที่เจ้าของกระทู้เขียน แล้วเดาเอาว่าเจ้าของกระทู้คงกำลังกังวลเกี่ยวกับ
1 รายได้
2 ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
3 อนาคตของตัวเอง
4 สุขภาพของตัวเอง เนื่องจากทำงานหนัก

หรือหลายๆปัจจัยข้างต้นรวมๆกันจนทำให้คิดหาทางออกอื่น และเจ้าของกระทู้คงเจออะไรหนักๆในชีวิตมา แต่มันก็ทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งขึ้น
จริงๆแล้วผมชอบที่จะเห็นคนที่กล้าตัดสินใจทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมแบบคุณครับ และชอบในสิ่งที่คุณคิดและเป็นอยู่
แต่ผมไม่คิดว่าการเรียนหมอจะสามารถแก้ปัญหาการดำรงชีวิตอยู่ได้ตามมาตรฐานที่คาดหวังของคุณได้เลย
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาตรฐานที่คาดหวังของคุณ มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง หรือคุณคิดขึ้นมาลอยๆ

เรื่องการนั่งทำวิจัยที่จะมีไครสนใจหรือเปล่าก็ไม่รู้นั้น . . .
ไม่ว่าจะมีใครจะสนใจหรือไม่ก็ตาม ถ้าคุณเลือกที่จะทำมัน คุณก็มีความสุขกับมันอยู่แล้วครับ และคงจะทำได้ดีกว่าคนอื่นด้วย

ส่วนเรื่องวัย
นิสิตที่นี่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีวุฒิภาวะสูงเทียบเท่ากับผู้ใหญ่
ดังนั้น ถึงแม้คุณจะอายุมากกว่าพวกเขา แต่ความจริงแล้วแนวความคิดหลายๆอย่างของพวกเขาดีกว่าที่ผู้ใหญ่ส่วนมากคิดได้เสียอีก
พวกเขาไม่ใช่เด็กๆครับ พวกเขาเป็นอนาคตที่สังคมคาดหวังและรอคอย
การได้ร่วมกับพวกเขาเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมควรเป็นความภาคภูมิใจของคุณ

ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(เด็กที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)เพื่อให้ไปอ่านหนังสือกันครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ

ส่วนเรื่องการเตรียมสอบ คงต้องถามคนที่เก่งๆแล้วละครับ ผมช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

ปล ผมรู้จักนิสิตที่หน้าตาดีและนิสัยดีคนหนึ่ง ที่จบมหาวิทยาลัยแล้วมาเรียนหมออยู่ปี1 แต่รู้สึกว่าเป้าหมายของเขาจะต่างจากของคุณครับ
     
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Major on August 31, 2009, 06:12:30 pm
แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ

มาเห็นด้วยกับอาจารย์อีกคนครับ

ผมเชื่อว่าทุกอาชีพก็มีปัญหาของมันเองครับ อยู่ที่เราจะสามารถอดทนและแก้ไขปัญหานั้นจนเราสามารถผ่านมาได้หรือเปล่า

ลองคิดดูง่ายๆ นะครับว่า เวลาตอนนี้ที่คุณเจ้าของกระทู้เอามาอ่านหนังสือเตรียมสอบ ไปอีกปีสองปี เพื่อมาเตรียมสอบ ถ้าได้ก็ดีไปครับ

แต่ถ้าสอบไม่ได้ คุณไม่คิดว่าจะเสียเวลาเปล่าหรือครับ แทนที่คุณจะเอาเวลาที่มีค่าเหล่านี้ไปพัฒนาหน้าที่การงานของคุณให้ดีขึ้น

ไม่แน่ว่า ถ้าคุณทุ่มเทกับการทำงานอย่างจริงจัง และเห็นค่าของงานที่คุณทำอย่างแท้จริงแล้ว อะไรๆ ก็จะดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ครับ

บางทีคุณอาจจะเป็นที่หนึ่งในสาขางานที่คุณกำลังรับผิดชอบอยู่ก็ได้ และถ้าคุณอยากจะพลิกฟื้นชีวิตจริงๆ ทำไมไม่ลองมองการศึกษาเพื่อต่อยอดจากสิ่งเดิมที่คุณมีอยู่แล้วล่ะครับ เป็นการศึกษาเพื่อเติมเต็มที่สิ่งที่คุณยังขาดอยู่และมีประโยชน์โดยตรงกับงานที่คุณทำจริงๆ

การที่คุณตัิดสินใจเริ่มอ่านหนังสือเพื่อสอบใหม่ ก็เหมือนคุณเริ่มต้นใหม่ เริ่มจาก"ศูนย์" กับเส้นทางที่คุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้างหน้าจะเป็นอย่างไร

คำถามแรกที่คุณควรจะตอบตัวเองให้ได้คือ แล้วถ้าสุดท้ายหมอไม่ได้ให้อะไรอย่างที่คุณคาดหวังตอนนี้ล่ะ คุณจะทำอย่างไร

ชีวิตผ่านแล้วผ่านเลยนะครับ อายุ 26 ปี กำลังอยู่ในวัยทำงานครับ ยังมีพลังอยู่ ทำงานหนักวันนี้นอนพักวันพรุ่งนี้ก็ลุยงานหนักได้ต่อ แต่ไม่ใช่สำหรับคนอายุ 30-40 ปี ที่ร่างกายก็เริ่มเสื่อมถอยลงตามเวลา ถึงตอนนั้นต่อให้คุณอยากโหมทำงาน ร่างกายก็ไม่ไหวอยู่ดีครับ

ผมอยากให้คุณคิดให้ดีอีกครั้งนะครับ เอาพลังที่คุณมีอยู่ตอนนี้มาสร้างรากฐานของชีวิตการทำงานของคุณให้ดีที่สุดดีกว่าครับ ตั้งใจทำงานทำหน้าที่ของคุณให้ดี เอาเวลาที่คุณจะอ่านหนังสือเพื่อสอบใหม่ มาพัฒนาสิ่งที่คุณทำอยู่ให้ดีที่สุดดีกว่า

คิดดูสิครับว่า 6-7 ปีต่อจากนี้ (ที่คุณกำลังจะเสียไป ถ้าคุณสอบเข้าหมอได้ และจะมาเรียนหมอจริงๆ) คุณจะพัฒนาอาชีพและงานของคุณได้อย่างไรบ้าง

และคิดต่ออีกนิดว่า 6-7 ปีต่อจากนี้ ถ้าคุณมาเป็นหมอ คุณเพิ่งเริ่มนับ 1 นะครับ เป็นแค่แพทย์ใช้ทุน ถ้าคุณคิดว่าจะจบเป็นแพทย์เฉพาะทาง ก็คง 40 ปีพอดี

อยากให้ลองคิดไตร่ตรองใหม่อีกซักรอบนะครับ ทุกอาชีพมีปัญหาของตัวเอง และทุกอาชีิพมีคุณค่าในตัวมันเอง

ผมอยากให้คุณเห็นคุณค่าในงานที่คุณกำลังทำ เช่นเดียวกับที่คุณกำลังมองไปที่คุณค่าของการทำงานเป็นแพทย์

จริงๆ แ้ล้ว ก็ไม่มีอาชีพไหนให้เราได้ทุกอย่างหรอกครับ อยู่ที่เราจะปรับความความคาดหวังของตัวเราเองให้สอดคล้องกับสิ่งที่เรามีอยู่ และพัฒนาสิ่งเหล่านั้นให้ดีที่สุด แล้วคุณก็จะมีความสุขไม่ว่าจะทำอะไรก็ตามครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: แกะ_นอกกะลา on August 31, 2009, 06:47:48 pm
แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ
เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ


...ผมอ่านที่เจ้าของกระทู้เขียน แล้วเดาเอาว่าเจ้าของกระทู้คงกำลังมีปัญหาเกี่ยวกับ
1 รายได้
2 ความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมงาน
3 อนาคตของตัวเอง
4 สุขภาพของตัวเอง เนื่องจากทำงานหนัก

หรือหลายๆปัจจัยข้างต้นรวมๆกันจนทำให้คิดหาทางออกอื่น และเจ้าของกระทู้คงเจออะไรหนักๆในชีวิตมา แต่มันก็ทำให้คุณเป็นผู้ใหญ่ที่เข้มแข็งขึ้น
จริงๆแล้วผมชอบที่จะเห็นคนที่กล้าตัดสินใจทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมแบบคุณครับ และชอบในสิ่งที่คุณคิดและเป็นอยู่
แต่ผมไม่คิดว่าการเรียนหมอจะสามารถแก้ปัญหาการดำรงชีวิตอยู่ได้ตามมาตรฐานที่คาดหวังของคุณได้เลย
ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามาตรฐานที่คาดหวังของคุณ มันเป็นสิ่งที่มีอยู่จริง หรือคุณคิดขึ้นมาลอยๆ

เรื่องการนั่งทำวิจัยที่จะมีไครสนใจหรือเปล่าก็ไม่รู้นั้น . . .
ไม่ว่าจะมีใครจะสนใจหรือไม่ก็ตาม ถ้าคุณเลือกที่จะทำมัน คุณก็มีความสุขกับมันอยู่แล้วครับ และคงจะทำได้ดีกว่าคนอื่นด้วย

ส่วนเรื่องวัย
นิสิตที่นี่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีวุฒิภาวะสูงเทียบเท่ากับผู้ใหญ่
ดังนั้น ถึงแม้คุณจะอายุมากกว่าพวกเขา แต่ความจริงแล้วแนวความคิดหลายๆอย่างของพวกเขาดีกว่าที่ผู้ใหญ่ส่วนมากคิดได้เสียอีก
พวกเขาไม่ใช่เด็กๆครับ พวกเขาเป็นอนาคตที่สังคมคาดหวังและรอคอย
การได้ร่วมกับพวกเขาเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมควรเป็นความภาคภูมิใจของคุณ

ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(ที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)ให้ไปอ่านหนังสือครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ

ส่วนเรื่องการเตรียมสอบ คงต้องถามคนที่เก่งๆแล้วละครับ ผมช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ

ปล ผมรู้จักนิสิตที่หน้าตาดีและนิสัยดีคนหนึ่ง ที่จบมหาวิทยาลัยแล้วมาเรียนหมออยู่ปี1 แต่รู้สึกว่าเป้าหมายของเขาจะต่างจากของคุณครับ     

อ๊ะ!! ยังไง
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Ne-Yo on August 31, 2009, 07:45:37 pm
มีคนตอบยาวๆ เยอะแล้ว ผมขอตอบสั้นๆ ละกัน

1. สู้เด็กได้มั้ย ได้ครับ ถ้าพยายามจริง
George Elliot เคยพูดไว้ว่า "ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเลือกคนที่คุณควรจะเป็น"
แต่จากที่คุณพูดว่า
และสุดท้าย เห็นกระทู้ล่าง ๆ บอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอครับ ถ้าแบบนั้นความหวังผมก็ยิ่งริบหรี่ไปอีก เพราะแม้จะอ่านรู้เรื่องเข้าใจ ก็ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้คะแนนได้เกือบเต็มแบบนั้นอ่ะครับ
อันนั้นมาตรฐานสูงไปครับ มันไม่จำเป็นที่จะต้องทำให้ได้เกือบ 100 ก็จริง
แต่คุณคิดจะลดมาตรฐานของตัวคุณเอง โดยการบอกว่าเราไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนั้น
ผมไม่เห็นด้วยครับ
การยอมลดมาตรฐานลงมา ย่อมง่ายกว่าการขยับมาตรฐานตัวเองให้สูงขึ้น หากคุณไม่คิดจะก้าวให้เหนือกว่าสิ่งที่คุณควบคุมได้ คุณจะไม่มีวันเติบโตได้เลย
ในการทำงานของแพทย์ ต้องเจอกับแรงกดดันอย่างมาก ทั้งจากผู้ป่วย จากสภาพแวดล้อม จากสภาวะจิตใจของเราเอง
ถ้าเกิดวันหนึ่งคุณต้องทำการผ่าตัดผู้ป่วยรายหนึ่ง ซึ่งโอกาสเสียชีวิตสูงมาก หากไม่ทำการผ่าตัด
แต่โอกาสผ่าตัดสำเร็จนั้นก็ริบหรี่พอดู คุณยังจะบอกได้อีกมั้ยครับว่า "เราไม่มีทางทำได้ถึงขั้นนั้น"

2.
ไล่อ่านเคมีคำนวน ฟิสิกส์ คณิต ส่วนชีวะนั้น อ่านเป็นประจำครับ เพราะรู้สึกว่าเนื้อหามันเยอะมากกกกกก แต่ก็จะอ่านเน้นในส่วนของที่ต้องทำความเข้าใจก่อน เช่นวัฎจักรต่าง ๆ กระบวนการสังเคราะห์ต่างๆ อะไรแบบนี้ครับ
เนื้อหาชีวะตลอด 3 ปี ยังหนาไม่เท่าสรีรวิทยาแค่เทอมเดียวเลยครับ

ปล. New Tract ที่แก่ ๆ เข้าปี 1 ตอนอายุ 30 ก็มีครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: •โซดา♫”•— on August 31, 2009, 07:50:40 pm
ไม่ใช่พี่ และเรียนไม่เก่ง  :P แต่เข้ามาเห็นด้วยค่ะว่าคะแนนภาษาอังกฤษถือว่าสำคัญเลยค่ะ เพราะคนไม่ถนัดก็ไม่ถนัดจริง ๆ แต่จริง ๆ ตัวข้อสอบเก็บคะแนนได้ง่าย(กว่าวิชาอื่นที่เวจน้ำหนักเท่ากันหรือมากกว่า ไม่รู้ตอนนี้เค้าใช้ระบบไหนกันแล้ว  :-X) ใช้เป็นตัวตัดได้เหมือนกัน

อายุไม่เกี่ยงหรอกค่ะ เพียงแต่ต้องอาศัยการปรับตัวอย่างสูง  :P คณะนี้เดิมทีเรื่องเรียนก็ต้องปรับตัวตามความโหดที่เพิ่มขึ้นแต่ละปีอยู่แล้ว ในกรณีของพี่คิดว่าก็อาจจะต้องปรับตัวด้านสิ่งแวดล้อมแล้วก็มุมมองหลาย ๆ อย่างด้วยน่ะค่ะ อาจจะต้องมองอะไรแบบวัยจ๊าบจะได้กลมกลืนไปกับน้อง ๆ  :D
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on August 31, 2009, 09:08:56 pm
แน่ใจหรือครับว่ามันจะเป็นการ "พลิกฟื้นชีวิตให้ดีที่สุด"

เวลาของคุณก็หายไปอีกเจ็ดปีอย่างน้อย(อ่านหนังสือเครียมสอบปีนึง)
ชีวิตเกิดมาครั้งเดียวนะครับ

แต่ถ้าเชื่อมั่นศรัทธาดีแล้วก็ขอ อนุโมทนาด้วย

ที่ทักนี่เพราะว่าผมเห็นมาเยอะครับ
คนไม่มีความสุขเพราะกำลังทำในสิ่งที่เชื่อว่า ถ้าทำสำเร็จจะมีความสุข เนี่ยะ

เห็นด้วยกับอาจารย์ครับ


กี๊สสสสสสสสสสสสสสสสสสส อาจารย์หรอคะ

สวัสดีค่ะอาจารย์คณะแพทย์จุฬาฯหนูขอฝากเนื้อฝากตัวเป็นศิษย์ในปีการศึกษาหน้านี้นะคะ !
(555ไม่ติดขายหน้าแย่ - -)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on August 31, 2009, 09:16:39 pm

ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(เด็กที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)เพื่อให้ไปอ่านหนังสือกันครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ


เหมือนพี่จะไล่หนู

ไปก็ได้ 555+
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: DanTrolene~* on August 31, 2009, 09:18:56 pm
ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(เด็กที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)เพื่อให้ไปอ่านหนังสือกันครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ

กรี๊ด บอกความจิงอย่างงี้ ต่อไปเดี๋ยวก้อหลอกไม่ได้อ่ะจิ

55555
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: -:•:- 騎馬王丸 -:•:- on August 31, 2009, 09:29:09 pm
ส่วนเรื่องบอกว่าเลขกับวิทย์ ได้เต็มกันเกือบทุกคนในคณะแพทย์ เป็นเรื่องหลอกเด็ก(เด็กที่ชอบเสียเวลามาเขียนกระทู้ในบอร์ดนี้)เพื่อให้ไปอ่านหนังสือกันครับ มันไม่เป็นความจริงเลยครับ

กรี๊ด บอกความจิงอย่างงี้ ต่อไปเดี๋ยวก้อหลอกไม่ได้อ่ะจิ

55555
หลอกกันไปหลอกกันมา สนุกดีชะเอิ่งเอย
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: กวาง on September 01, 2009, 10:35:55 am
โอ้โห มีคนเข้ามาตอบเยอะแยะเลย

ขอบคุณมากครับ สำหรับเป้าหมายชีวิตของผมที่หลายคนสงสัย (รวมถึงอาจารย์) ผมขอชี้แจงดังนี้ครับ

1.ตอนนี้ผมทำงานเต็มที่กับทุกๆอย่างอยู่ครับ แต่ก็รู้สึกลึกๆว่างานที่ทำนั้น ถ้าเป็นหมอ จะมีความรู้มาทำให้มันดีขึ้นได้อย่างมาก เช่นการสอบสวนโรค พวกแพทย์ที่เป็น FETP ในสำนักระบาด ทำงานกันได้อย่างถึงลูกถึงคนมาก เพราะทั้งบารมีที่มี และความรู้เรื่องโรคและการรักษาที่แน่น ทำให้ผลงานที่ออกมา จะเหนือชั้นกว่านักวิชาการปกติมากมายเลยครับ ผมเลยอยากเป็นแบบนั้นบ้าง

2.การรักษาคนไข้ ต่อให้ได้รับแรงกดดันแค่ไหน แต่มันมีผลลัพธิ์ออกมาให้เห็นครับ รักษาเค้าได้ เค้ามาขอบคุณเราก็ดีใจ มีความสุข แต่ถ้ารักษาไม่ได้ มันก็เป็นเรื่องที่ต้องพัฒนาตัวเองต่อไป ให้เก่งขึ้นๆ
ไม่ใช่นั่งทำงานแบบนักวิชาการ ที่ทำอะไรลงไปนี่ไม่รู้เลยว่ามันส่งผลกระทบถึงใครหรือเปล่า (หลายๆคนอาจชอบ แต่ผมว่าผมชอบงานที่ได้จับ ได้ทำ ได้เห็นผลลัพธิ์มากกว่าครับ)

3.โดยนิสัยส่วนตัว คิดว่าเป็นหมอได้ครับ ถ้าถามถึงในเรื่องของความอดทน การปล่อยวาง และมนุษยสัมพันธ์ (ผมเป็นเด็กชนบทมากๆๆเลยครับ) ก็เลยคิดแล้วว่าไม่มีอะไรน่าห่วง

4.เรื่องเสียเวลาในชีวิตไปอีก 7 ปี หรือมากกว่านั้น ส่วนตัวไม่คิดว่าการเข้าไปเรียนในคณะแพทย์เป็นการเสียเวลาครับ เพราะระหว่างเรียนมันคือการได้เข้าไปเรียนรู้ ฝึกฝน ซึ่งผมคิดว่า อาจจะได้สาระประโยชน์มากกว่าการนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ปกติด้วยซ้ำไป
ยิ่งพี่ๆแพทย์บอกว่า เรียนหนักมากกกกกก

นั่นยิ่งหมายความว่า การเรียนแพทย์ ไม่มีคำว่าเสียเวลาแน่นอนครับ
ผมคิดอย่างนั้น

ขอบคุณทุกท่านอีกครั้งครับ สำหรับคำแนะนำ ผมคงสู้ต่อ ปีนี้ไม่ติด ปีหน้าต้องติดให้ได้ แต่ถ้าไม่สามารถจริงๆ ก็คงต้องยอมรับ และมองหาหนทางอื่น เช่นเรียนต่อโท หรือ ไปเป็นคุณครูสอนเด็กมัธยมแล้วล่ะครับ

ชีวิตไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไปเนาะ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: pipe64 on September 01, 2009, 01:38:58 pm

นิสิตที่นี่ได้รับการคัดเลือกแล้วว่ามีวุฒิภาวะสูงเทียบเท่ากับผู้ใหญ่
ดังนั้น ถึงแม้คุณจะอายุมากกว่าพวกเขา แต่ความจริงแล้วแนวความคิดหลายๆอย่างของพวกเขาดีกว่าที่ผู้ใหญ่ส่วนมากคิดได้เสียอีก
พวกเขาไม่ใช่เด็กๆครับ พวกเขาเป็นอนาคตที่สังคมคาดหวังและรอคอย
การได้ร่วมกับพวกเขาเพื่อสร้างคุณค่าให้กับสังคมควรเป็นความภาคภูมิใจของคุณ


ซึ้ง :'(
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: doctorpuchong on September 01, 2009, 07:53:01 pm
งั้นก็โอเคครับ ถ้าคิดว่าเป็นความสุขก็ไม่ผิดที่จะแสวงหา
ขอให้โชคดี
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: NoelKung on September 02, 2009, 01:25:47 am
เหอๆๆ ตอนแรก ผมคิดว่าจะมีแต่ผมกับเพื่อนเท่านั้นน่ะครับที่มีความคิดประมาณนี้ ว่า เข้ามาสอบเรียนแพทย์ ตอนอายุมากๆๆเนี้ย ความจริง อายุผม กับ เพื่อน ที่มีความคิดจะสอบเข้าเรียนแพทย์ แบบเดียวกับเจ้าของกระทู้ ก็ พอๆๆ กันเลย ผมก็ทำงานธุระกิจส่วนตัวอยู่ พบปะผู้คนมากมาย แต่ผมมีความคิดอีกแนวนึงที่ไม่เหมือนกับเจ้าของชีวิตว่าจะเป็นการพลิกชีวิตที่ดีที่สุด เอาว่าอุบไว้ก่อนไม่บอกดีกว่า เอาเป็นว่าผมก็ เริ่มอ่านหนังสือไปได้เรื่อยๆๆนะตอนนี้แล้วก็สอบตอนปี54 เหมือน เจ้าของกระทู้เหมือนกัน พอดี เห็น มีคนร่วมอุดมการณ์เดียวกันก็เลยอยากรู้จักเอาพูดคุยแลกเปลี่ยนทัศนะกัน หวังว่าเจ้าของกระทู้จะแอดเมลล์มาคุยกันบ้างนะครับ เผื่อสอบได้เหมือนกันจะได้มีเพื่อนเรียนด้วยกันหลายๆคน แล้วไปแอบเนียนเป็นเด็กใหม่ เพราะว่าหน้ายังอ่อนอยู่นะครับ แอบเนียนกับเด้กได้  555 ว่าไปนั่น ยังงัยก็ ยินดีที่รู้จักล่วงหน้าล่ะกันครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: กวาง on September 02, 2009, 01:42:46 pm
โอ หน้าผมไม่เด็กแล้ว คงเนียนยากอ่ะครับ

แล้วเราจะรู้อีเมลกันได้ไงล่ะนิ ของผม iamsorrytohearthat@hotmail.com ครับ ยินดีครับที่มีคนร่วมเส้นทางเดียวกัน
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on September 03, 2009, 01:06:17 am
พวกหนูต้องแข่งกับรุ่นพ่อเลยทีเดียว > <

น่ากัวจัง...แหะๆ
เพราะฉะนั้น รุ่นหนูก็จะฟิตยกกำลังอินฟินิตี้เลยค่าๆๆๆๆๆๆ

ปล. ยกกำลังอินฟินิตี้ = 0 (5555555+)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Gun on September 03, 2009, 02:03:28 am
รุ่นพ่อเลยเหรอ ฮ่าๆๆๆ
เขาเพิ่ง26เองนะ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on September 03, 2009, 02:13:47 am
รุ่นพ่อเลยเหรอ ฮ่าๆๆๆ
เขาเพิ่ง26เองนะ

หนูก็แค่พูดเว่อ hyperbolize โอ๊ยมันเกินไป exaggerate เองค่ะ (:
หนูเพิ่ง 16 หมาดๆ อ่ะค่ะห่างจากพี่คนนั้น 10 ปีเลยอ่ะ!!

พวกพี่นอนดึกจัง (ได้ข่าวว่าหนูต้องไปโรงเรียนพรุ่งนี้55555555+)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on September 03, 2009, 02:44:34 am
ก็อยากจะบอกพี่ๆ + คนอื่นๆที่อ่านว่า

ปิดเทอมมี.ค.-พ.ค. อ่านหนังสือถึงเที่ยงคืนทุกวัน + ลุย 15 พ.ศ.
เปิดเทอม กลับจากโรงเรียนอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน + ลุย GAT PAT ทุกวัน
เสาร์อาทิตย์อ่านหนังสือทั้งวัน ตอนเย็นตีแบดหน้าบ้าน
1 สิงหา หลังจากสมัครแพทย์ + สอบชีวะ สสวท
ตี 1 - ตี 2 เป็นผีเฝ้าบอร์ดค่ะ คลายเครียด

แต่หนูยังอ่านน้อยกว่าเด็กเตรียมกับเด็กมหิดลวิทเพื่อนหนูอีกนะคะ !
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Nickๆๆๆ on September 03, 2009, 03:39:45 am
ก็อยากจะบอกพี่ๆ + คนอื่นๆที่อ่านว่า

ปิดเทอมมี.ค.-พ.ค. อ่านหนังสือถึงเที่ยงคืนทุกวัน + ลุย 15 พ.ศ.
เปิดเทอม กลับจากโรงเรียนอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน + ลุย GAT PAT ทุกวัน
เสาร์อาทิตย์อ่านหนังสือทั้งวัน ตอนเย็นตีแบดหน้าบ้าน
1 สิงหา หลังจากสมัครแพทย์ + สอบชีวะ สสวท
ตี 1 - ตี 2 เป็นผีเฝ้าบอร์ดค่ะ คลายเครียด

แต่หนูยังอ่านน้อยกว่าเด็กเตรียมกับเด็กมหิดลวิทเพื่อนหนูอีกนะคะ !

คือ พี่อ่านไม่ถึง 10% ของน้องเรยอะ ไอ 15 พศ นี่ก้อยังกองอยู่ ทำไปยังไม่จบ พศ แรกเลย ๕๕๕ :P
แบบพี่มันก้อเสี่ยงไปหน่อยอะนะั ต้องใช้ดวงด้วยนะเออ!

อ่านโหดขนาดนี้ไปสอบทุนคิงเรยน้อง
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on September 03, 2009, 05:12:09 am
ก็อยากจะบอกพี่ๆ + คนอื่นๆที่อ่านว่า

ปิดเทอมมี.ค.-พ.ค. อ่านหนังสือถึงเที่ยงคืนทุกวัน + ลุย 15 พ.ศ.
เปิดเทอม กลับจากโรงเรียนอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน + ลุย GAT PAT ทุกวัน
เสาร์อาทิตย์อ่านหนังสือทั้งวัน ตอนเย็นตีแบดหน้าบ้าน
1 สิงหา หลังจากสมัครแพทย์ + สอบชีวะ สสวท
ตี 1 - ตี 2 เป็นผีเฝ้าบอร์ดค่ะ คลายเครียด

แต่หนูยังอ่านน้อยกว่าเด็กเตรียมกับเด็กมหิดลวิทเพื่อนหนูอีกนะคะ !

คือ พี่อ่านไม่ถึง 10% ของน้องเรยอะ ไอ 15 พศ นี่ก้อยังกองอยู่ ทำไปยังไม่จบ พศ แรกเลย ๕๕๕ :P
แบบพี่มันก้อเสี่ยงไปหน่อยอะนะั ต้องใช้ดวงด้วยนะเออ!

อ่านโหดขนาดนี้ไปสอบทุนคิงเรยน้อง

เพื่อนหนูที่อยู่เตรียม+มหิดลวิท เขาอ่านจบหมดแล้วตั้งแต่ ม.4
และติดค่ายถึง สสวท กันหมดแล้วอ่ะค่ะ!
แล้วก็จะเข้าแพทย์จุฬาด้วย

ซึ่งหนูเป็นคนนึงที่ไม่ได้เรียนอยู่โรงเรียนเมพๆอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากติดก็ต้องอ่านมากๆ ทำโจทย์มากๆ คอนเซป มายแมบ บลาๆ
หนูทำหมดแล้ว! อ่านหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้อ่านแล้ว (มั้ง)
โดนรุ่นพี่MDCU65 นี่แหละโน้มน้าวใจ (พี่แกติดอยู่คนเดียวในโรงเรียน)
หนูกลัวพี่แกเหงาเลยปีหน้าจะต้องเข้ามาเรียนที่นี่ให้ได้! 555

รุ่นพี่ที่ซิ่ว หรือรุ่นน้ารุ่นอานะคะ จะบอกว่ารุ่นหนูฟิตปิ๋งปั๋งขนาดไหน55555555
แต่หนูว่าพวกเดกเตรียมเดกมหิดลวิทไม่เห็นจะมีใครแวบมาที่บอร์ดเลยนะคะ
ฟิตกันไปถึงไหน เพราะฉะนั้นหนูไม่ควรจะเข้ามาในบอร์ดอีกต่อไปแบบพวกเขาหรอ?
เบรคไว้ๆ อย่าวีน555  :D
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Chindou Chihiro on September 03, 2009, 05:26:50 am
เจ้าของกระทู้เมื่อพูดทำให้ได้นะ เป็นกำลังใจให้   8)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: กวาง on September 03, 2009, 08:31:52 am
โอ ถึงกับเรียกพ่อกันเลยทีเดียว  :o

เครียดเลย  :P

โอ้ยย แล้วหนูๆจะเทพกันไปถึงไหนคร้าบบบ
คุณลุงต้องลาออกจากงานมาอ่านหนังสือเลยมั้ยเนี่ย ถึงจะแข่งกับหนูๆได้ กลัดกลุ้ม  :-X

ต้องสู้ ต้องสู้ จึงจะชนะ... :'(
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Dr.Lucacian on September 03, 2009, 12:50:02 pm
เป็นกำลังใจใหเจ้าของกระทู้ครับ

ผมก็อยากเรียนเหมือนกันแต่ไม่รุ้จะสอบได้ไหม

Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on September 03, 2009, 02:56:42 pm
โอ ถึงกับเรียกพ่อกันเลยทีเดียว  :o

เครียดเลย  :P

โอ้ยย แล้วหนูๆจะเทพกันไปถึงไหนคร้าบบบ
คุณลุงต้องลาออกจากงานมาอ่านหนังสือเลยมั้ยเนี่ย ถึงจะแข่งกับหนูๆได้ กลัดกลุ้ม  :-X

ต้องสู้ ต้องสู้ จึงจะชนะ... :'(

หนูไม่เคยคิดว่าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยต่างๆ ไม่ว่าจะคณะอะไรก็ตาม
เป็นการแข่งขันเพื่อแก่งแย่งชิงกับคนอื่นเลย ไม่เคยคิดว่าจะเอาชนะให้ได้
เพราะการคิดอย่างนี้เหมือนกับว่าเป็นการ เห็นแก่ตัว เกินไปหน่อยอ่ะค่ะ

หนูคิดอย่างเดียวว่าการเรียนแพทย์มันหนักมากๆ เพราะฉะนั้นต้องอ่านหนังสือและทำความเข้าใจกับมันมาก
เพื่อที่จะสามารถทำข้อสอบให้ได้ ถูกหมดทุกข้อ
ไม่ใช่แบบว่าจะมาแย่งชิงเพื่อเอาชนะคนอื่นให้ได้อ่ะค่ะ
ซึ่งถ้าคิดอย่างนี้ ก็จะมีคนเห็นแก่ตัวมากมายสอบติด แล้วแน่นอนบรรยากาศการเรียนไม่ดีแน่

หนูกับเพื่อนจะมีการช่วยกันติวค่ะ แล้วก็ที่สำคัญ ขอซีร็อกที่มันไปเรียนพิเศษค่ะ สำคัญมาก 5555
อ่านหนังสือคนเดียว เรียนคนเดียว พึ่งตนเองอย่างเดียว โอกาสสอบติดยากมาก เราต้องมีการช่วยเหลือกัน หลายหัวดีกว่าหัวเดียวนะคะ

คนที่จะซิ่วหนูเรียกพี่ละกันก็ได้นะคะ พ่อแก่ไป อิอิ หนูอยากให้พี่ลองคำนวณดูนะคะ มีคนเลือกแพทย์จุฬาอันดับแรก 4,000 กว่าคน รับ 200 คน
เดก tu 200-300 คน เดก mwit 150-200 คน เดก sk เดกsw เดก sc เดก kt เดก st เดก ss เดก YB(หนูเองอิอิ) + เดกต่างจังหวัด
+ รุ่นพี่วิทยาจุฬาที่จะมาซิ่วคณะนี้ !!!!

ซึ่งถ้าจะติด จะต้องทำข้อสอบให้ได้มากกว่าพวกเดกเตรียมกับเดกมหิดลวิท
เพื่อนหนูเอง ได้ข่าวว่าติดค่าย สอวน สสวท เลข ชีวะ เคมี ฟิสิก บานแบะมากๆๆๆๆๆ และคิดจะเข้า แพทย์จุฬา เยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

จริงๆ หนูอาจจะตัดใจไม่เลือกแพทย์จุฬาก็ได้
ถ้าไม่ได้คุยกับพี่ MDCU65 คนนึงที่ติดคนเดียวในโรงเรียน  :o
แต่ตอนนี้...หนูคิดว่าไม่ว่าจะอยู่โรงเรียนอะไร มีสิทธิ์สอบติดหมดอ่ะค่ะ

เนื้อหาหนูเก็บหมดแล้วล่ะค่ะ ทำโจทย์หมดทุก พ.ศ. แล้วด้วย และเข้าใจหมดแล้วด้วย เตรียมตัวสอบ GAT เชื่อมโยงอย่างเดียวเลยค่ะ  (: (ยังไม่รอด)

ยังไงก็หนูไม่อยากให้พี่ฟังที่หนูพูดแล้ว "ตัดใจ + ยอมแพ้" นะคะ หนูอยากให้พี่มีกำลังใจ + ฮึกเหิมมากยิ่งขึ้นอ่ะค่ะ
หวังว่าหนูจะเจอพี่ในรั้ว MDCU66 นี้นะคะ หนูไม่อคติหรอกค่าๆๆๆๆๆๆๆ :D
(ยังกะคิดว่าหนูจะติด 5555555)
ปล.ไม่ได้โดดเรียน เรียนคอมอยู่ อิอิ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: NoelKung on September 03, 2009, 04:06:25 pm
พี่ก็รู้นะ ว่าคณะนี้คนเลือกเป็นอันดับ1 เยอะสุด แต่มันก็อยู่การทำข้อสอบของแต่ละคนว่าจะทำได้มากได้น้อยขนาดไหนในการเป็น1ใน200ที่อยู๋ในนั้นมันอยู่ที่ตัวเองทั้งนั้น ทั้งพี่ทั้งพี่กวาง(จ้าของกระทู้)เราก็พยายามในส่วนของเราเท่าที่เราจะทำได้ตามสถานภาพที่เราจะอำนวย เพราะว่าถ้าเรามีความตั้งใจก็คิดว่าน่าจะทำได้นะครับพี่ว่า มันไม่มีอะไรยากไปกว่าความตั้งใจหรอกครับคิดบวกไว้ก่อนครับจะสบายใจดี ไม่เครียด อย่างที่น้องบอกว่า อ่านหนังสือจบไปไหนๆๆแล้วมันเป็นสิ่งที่พี่คิดว่า เด็ก ม.ปลายทุกคนที่คิดจะสอบเข้าที่นี้เป็นอันดับ1 นะ น่าจะอ่านจบหมดแล้วตั้งนานแล้ว ที่เหลือก็ทำข้อสอบอย่างเดียวนะ เพราะว่าจะเข้าที่นี้ได้ต้องเตรียมตัวให้ดีที่สุด ส่วนมันจะได้หรือไม่ได้นั้นมันก็ขึ้นอยู่ที่การเตรียมตัวทั้งนนั้นแหล่ะ ไม่มีอะไรมากหรอก ส่วนอีกอย่างนึง พี่ว่าพี่คงไม่ได้ สมัครสอบแข่งขันเป็น MDCU 66 หรอก ครับเพราะพี่ยังติดธุระของตัวเองพี่กวาง(เจ้าของกระทู้)ก็มีงานของเค้าอยู่น่าจะเป็นปีหน้าน่ะนะน้อง KET คิดว่า พี่กวาง(เจ้าของกระทู้)ก็น่าจะสอบปีหน้าเหมือนกันแหล่ะครับ จากที่อ่านๆมานะ :)อยากได้ อยากมี อยากเป็น อยู่ที่ใจเราทั้งนั้น ถ้าเราไม่อยากได้ ก็ ไม่มีใครบังคับเราได้ทั้งนั้น ;)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: กวาง on September 03, 2009, 04:13:20 pm
ในสนามสอบแข่งขัน ไม่ว่าหนูจะพูดว่าอย่างไร มันก็คือการ "แข่งขัน" ครับ
และยิ่งมีผล "แพ้" และ "ชนะ" ด้วยแล้ว  มันก็คือการแข่งขันกับคนอื่นๆ นั่นแหละ คำว่า "แข่งขันกับตัวเอง" คุณลุงว่ามันเอาไว้ใช้เวลาเราเรียนอยู่ที่โรงเรียน แล้วแข่งขันกับตัวเองเพื่อให้ได้เกรดเพิ่มขึ้นๆ หรืออย่างน้อยก็ไม่ให้มันลดลง อะไรแบบนี้

แต่การสอบเข้ามหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะอย่างไร มันก็คือการฟาดฟัน เพื่อให้ได้เข้าไปนั่งเรียนอยู่ในนั้น
และคุณลุงมองว่า การที่เราสอบแข่งขันกัน มันไม่ได้หมายถึงเห็นแก่ตัวหรอก แต่มันคือความจริง ที่ทุกคนต้องยอมรับและผ่านมันไปให้ได้

ถ้าลุงสอบไม่ติดปีนี้ มันก็หมายความว่าลุงพ่ายแพ้ให้กับเด็กๆ ที่เก่งกว่า สดกว่า ฉลาดกว่า ซึ่งลุงก็ต้องยอมรับมันให้ได้
แล้วกลับมาฝึกซ้อมให้หนักขึ้น เพื่อลงสนามแข่งขันในปีต่อๆ ไป

อย่ามองว่าการแข่งขันคือความเห็นแก่ตัว แต่มันคือ "ความจริง" ของชีวิตที่ต้องยอมรับต่างหากล่ะจ๊ะ  :P

แต่ลุงชอบความมั่นใจของหนูจังเลย ทำให้คุณลุงฮึดขึ้นมาอีกหลายเท่า

สู้ๆ :'( :'( :'(

Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Baros™ 『バーロス』 on September 03, 2009, 06:06:06 pm
เห็นด้วยครับ

ความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะการแข่งขันใดๆ ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับความเห็นแก่ตัวนะครับ


เราจะบอกว่าถ้าเรา่ขยันซ้อมวิ่งทุกวันเพื่อเหรียญทองโอลิมปิก เป็นการเห็นแก่ตัวของเราต่อผู้แข่งขันคนอื่นรึเปล่า ?

ก็ไม่เกี่ยวใช่มั้ยครับ เพราะหากเราได้ชัยชนะ นั่นก็เป็นเพราะสิ่งที่เราได้ลงทุนลงแรงฝึกซ้อมตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมา :)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: [ Radianz ] on September 03, 2009, 06:40:37 pm
ก็อยากจะบอกพี่ๆ + คนอื่นๆที่อ่านว่า

ปิดเทอมมี.ค.-พ.ค. อ่านหนังสือถึงเที่ยงคืนทุกวัน + ลุย 15 พ.ศ.
เปิดเทอม กลับจากโรงเรียนอ่านหนังสือถึงเที่ยงคืน + ลุย GAT PAT ทุกวัน
เสาร์อาทิตย์อ่านหนังสือทั้งวัน ตอนเย็นตีแบดหน้าบ้าน
1 สิงหา หลังจากสมัครแพทย์ + สอบชีวะ สสวท
ตี 1 - ตี 2 เป็นผีเฝ้าบอร์ดค่ะ คลายเครียด

แต่หนูยังอ่านน้อยกว่าเด็กเตรียมกับเด็กมหิดลวิทเพื่อนหนูอีกนะคะ !

คือ พี่อ่านไม่ถึง 10% ของน้องเรยอะ ไอ 15 พศ นี่ก้อยังกองอยู่ ทำไปยังไม่จบ พศ แรกเลย ๕๕๕ :P
แบบพี่มันก้อเสี่ยงไปหน่อยอะนะั ต้องใช้ดวงด้วยนะเออ!

อ่านโหดขนาดนี้ไปสอบทุนคิงเรยน้อง

เพื่อนหนูที่อยู่เตรียม+มหิดลวิท เขาอ่านจบหมดแล้วตั้งแต่ ม.4
และติดค่ายถึง สสวท กันหมดแล้วอ่ะค่ะ!
แล้วก็จะเข้าแพทย์จุฬาด้วย

ซึ่งหนูเป็นคนนึงที่ไม่ได้เรียนอยู่โรงเรียนเมพๆอย่างนั้น
เพราะฉะนั้น ถ้าอยากติดก็ต้องอ่านมากๆ ทำโจทย์มากๆ คอนเซป มายแมบ บลาๆ
หนูทำหมดแล้ว! อ่านหมดแล้ว ไม่มีอะไรให้อ่านแล้ว (มั้ง)
โดนรุ่นพี่MDCU65 นี่แหละโน้มน้าวใจ (พี่แกติดอยู่คนเดียวในโรงเรียน)
หนูกลัวพี่แกเหงาเลยปีหน้าจะต้องเข้ามาเรียนที่นี่ให้ได้! 555

รุ่นพี่ที่ซิ่ว หรือรุ่นน้ารุ่นอานะคะ จะบอกว่ารุ่นหนูฟิตปิ๋งปั๋งขนาดไหน55555555
แต่หนูว่าพวกเดกเตรียมเดกมหิดลวิทไม่เห็นจะมีใครแวบมาที่บอร์ดเลยนะคะ
ฟิตกันไปถึงไหน เพราะฉะนั้นหนูไม่ควรจะเข้ามาในบอร์ดอีกต่อไปแบบพวกเขาหรอ?
เบรคไว้ๆ อย่าวีน555  :D

เห็นแล้วน่ากลัวจริงจังอะแบบนี้

เป็นห่วงอย่างแรง ฟิตเกินไปแล้วน้อง ชีวิตน้องผูกไว้กับการสอบติดคณะแพทย์จุฬาฯเกินไปอะ
หาความสุขในชีวิต สร้างคุณค่าให้กับตัวเองในปัจจุบันบ้างก็ได้นะ

เราไม่รู้ว่าน้องเป็นยังไง แต่เราอยากให้น้องทำอะไรอย่างอื่นที่มีประโยชน์นอกจากการอ่านหนังสือเรียนบ้าง
คุณค่าในชีวิตคน ไม่ได้อยู่ที่การเรียน การสอบติด หรือการได้ประกอบอาชีพนั้นๆอย่างเดียว--มันควรจะทำอะไรให้ได้หลากหลายกว่านั้น

ถ้านั่นเป็นความฝันจริงๆ ก็ยินดีด้วยที่ค้นพบ และยินดีด้วยกับความพยายาม--แต่อย่าลืมว่าชีวิตนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยเดียว แสวงหาอะไรให้มากขึ้นได้จะดีมาก ยิ่งรู้รอบ ยิ่งมีประสบการณ์ ยิ่งได้เปรียบ
ไม่ใช่แค่อ่านหนังสือ ทำโจทย์เยอะๆอย่างเดียวถึงจะได้เปรียบ

น้องบอกเองว่าน้องแข่งกับตัวเอง ดังนั้นน้องจะเปรียบเทียบอะไรกับสองโรงเรียนนี้ล่ะ? ดูแค่คะแนนตัวเองก็พอจะประเมินชะตากรรมได้แล้วนี่
มองภาพรวมให้เยอะกว่านี้ อย่าเอากลุ่มตัวอย่างเล็กๆที่ตัวเองเจอมาตัดสินคนทั้งหมด
มันไม่ใช่ว่าทุกคนที่เป็นเด็กเตรียมฯหรือเด็กmwit จะต้องใช้ชีวิตไปแต่กับการอ่านหนังสือเรียน (คือ มันมีคนแบบนี้จริง แต่ไม่ใช่ทุกคน) คนในโรงเรียนเหล่านี้หลายคนที่สอบติดมาก็เป็นเด็กกิจกรรม ทำอะไรมาเยอะแยะหลากหลาย ไม่ใช่จะเอาแต่อ่านหนังสือเคร่งเครียด

ที่เน้นตัวแดงจากข้อความด้านบนนั่น...
...ไม่มีไรหรอก แค่อยากจะให้ลองมองหลายมุมมากกว่านี้

เด็กเตรียมฯ/MWIT ที่ไม่เข้าบอร์ด เพราะอะไร?

จริงอยู่...อาจจะเพราะฟิตกันมากๆ

แต่อีกนัยหนึ่ง--อาจจะเพราะ 1. เขาไม่รู้ว่ามีบอร์ดนี้ (เราก็ไม่เคยรู้จนกระทั่งเข้ามาในคณะนี้- -"") 2. เขาอาจจะไปเล่นบอร์ดอื่น 3. เขาอาจจะเอาเวลาไปทำอย่างอื่น ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่การอ่านหนังสือเตรียมสอบเลยก็ได้

อย่าเอามุมมองมุมเดียวมากดดันตัวเองขนาดนั้น

อ่านที่ตอบในบอร์ดแล้วเป็นห่วงจริงจัง...เครียดเกินไปรึเปล่า? กดดันเกินไปไหม? อ่านเยอะไปไหน?
 :P

รับความเห็นนี้ไว้พิจารณาหน่อยจะดีมาก
จะซีเรียสไปไหน จะแรงไปไหนเนี่ยน้องจ๋า :-X
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: IPPUsama on September 03, 2009, 07:06:55 pm
น้อง KET อย่ามาไซโคน้องๆคนอื่นสิครับ  :P
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KiaGz!~ on September 03, 2009, 07:12:10 pm
เพื่ออะไร ?  :)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Dr.Lucacian on September 03, 2009, 07:22:18 pm
ผมว่าคนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป ทั้งที่ จบจากที่ไหนก็เป็นหมอที่ดีด้เหมือนกัน

Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Evilcat on September 03, 2009, 07:39:44 pm
ผมว่าคนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป ทั้งที่ จบจากที่ไหนก็เป็นหมอที่ดีด้เหมือนกัน


ถือว่าถูกครับ จบออกมารักษาคนหาย พูดกับคนไข้ดีๆก็เป็นหมอขั้นเทพแล้วครับ :-*

อย่ายึดติดอะไรมากเกินไปนะครับ
บางทีเผื่อใจไว้ก่อน อะไรๆเกิดขึ้นจะได้มีหนทางออกได้
ขอให้ทุกคนสู้ๆนะครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: The_Witcher on September 03, 2009, 08:13:28 pm
ผมว่าคนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป ทั้งที่ จบจากที่ไหนก็เป็นหมอที่ดีด้เหมือนกัน


น่าจะหมายความว่าคนที่ตั้งใจแต่จะสอบที่นี่ที่เดียวหรือเปล่าแบบตั้งใจจะเข้าที่นี่ที่เดียว งง

ถ้าแปลตามประโยคตรงตัวจะหมายความได้ว่า คนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป
คนที่อยู่คณะนี้ทุกคนสอบที่นี่ หมายความว่า คนที่อยู่คณะนี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป หรอ งง
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: The_Witcher on September 03, 2009, 08:19:59 pm
เกิดครั้งเดียวตายครั้งเดียวครับถ้ามั่นใจว่าเราต้องการก็ทำให้ถึงที่สุดครับ
"You don't need anybody to tell you who you are or what you are. You are what you are!" - John Lennon
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Nosferatu on September 03, 2009, 09:03:02 pm
สำหรับจขกท. สู้ๆนะคะ
ถ้าตั้งใจจริงแล้วก็ขอให้ทำได้ ไม่ผิดหวัง และมีความสุขกับสิ่งที่ได้ทำนะคะ

แล้วก็คิดว่าการสอบเข้ามันไม่ใช่ทกสิ่งทุกอย่างของชีวิตหรอกค่ะ
พี่เองก็ไม่ได้เป็นคนที่ฉลาดอะไรมากมาย
 
ตอนจะเข้าก็มาเริ่มอ่านจริงจัง ม.6 เทอมสองเอง ก็เรื่อยๆอ่ะนะ
ก็เด็กเตรียมละค่ะ เพื่อนๆหลายคนก็อารมณ์นี้
 แต่ยังไม่เคยเจอใครแบบเพื่อนน้องKET นะ :P น่ากลัวพิลึก
ผ่านไปไม่กี่รุ่นเอ๊ง -*-

คือถ้าอ่านโหดมากๆก็อาจจะมีสิทธิ์สอบติดสูงมากๆ
แต่เชื่อว่ามีเวลาพอที่จะเตรียมตัวสอบอย่างปึ้กๆ พร้อมกับใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานค่ะ

เดี๋ยวพอเข้ามหาลัยจะเสียดายชีวิตม. ปลาย ช่วยไม่ได้น้า



Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Dr.Lucacian on September 03, 2009, 09:03:47 pm
ผมว่าคนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป ทั้งที่ จบจากที่ไหนก็เป็นหมอที่ดีด้เหมือนกัน


น่าจะหมายความว่าคนที่ตั้งใจแต่จะสอบที่นี่ที่เดียวหรือเปล่าแบบตั้งใจจะเข้าที่นี่ที่เดียว งง

ถ้าแปลตามประโยคตรงตัวจะหมายความได้ว่า คนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป
คนที่อยู่คณะนี้ทุกคนสอบที่นี่ หมายความว่า คนที่อยู่คณะนี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป หรอ งง

ไม่ได้หมายถึงคนที่สอบแล้วได้เรียนที่นี้ยึดติดกับที่นี้ครับ
หมายถึงการที่ ตัวเลขคนมาสอบที่นี้เยอะเพราะยึดติดว่าที่นี้ ดีที่สุด  โดยไม่คิดว่า เป็นหมอจบที่หนก็เป็นหมอที่ดีได้

งงไหมนิ กลัวไม่เข้าใจเจตนาจัง
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: -:•:- 騎馬王丸 -:•:- on September 03, 2009, 09:05:17 pm
ผมว่าคนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป ทั้งที่ จบจากที่ไหนก็เป็นหมอที่ดีด้เหมือนกัน


น่าจะหมายความว่าคนที่ตั้งใจแต่จะสอบที่นี่ที่เดียวหรือเปล่าแบบตั้งใจจะเข้าที่นี่ที่เดียว งง

ถ้าแปลตามประโยคตรงตัวจะหมายความได้ว่า คนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป
คนที่อยู่คณะนี้ทุกคนสอบที่นี่ หมายความว่า คนที่อยู่คณะนี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป หรอ งง

ไม่ได้หมายถึงคนที่สอบแล้วได้เรียนที่นี้ยึดติดกับที่นี้ครับ
หมายถึงการที่ ตัวเลขคนมาสอบที่นี้เยอะเพราะยึดติดว่าที่นี้ ดีที่สุด  โดยไม่คิดว่า เป็นหมอจบที่หนก็เป็นหมอที่ดีได้

งงไหมนิ กลัวไม่เข้าใจเจตนาจัง
แล้วคุณไปยุ่งอะไรกับเขาหรอ?  ??? แต่ก็จริงนะ บางคนเอาชื่อ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Dr.Lucacian on September 03, 2009, 09:10:26 pm
ผมว่าคนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป ทั้งที่ จบจากที่ไหนก็เป็นหมอที่ดีด้เหมือนกัน


น่าจะหมายความว่าคนที่ตั้งใจแต่จะสอบที่นี่ที่เดียวหรือเปล่าแบบตั้งใจจะเข้าที่นี่ที่เดียว งง

ถ้าแปลตามประโยคตรงตัวจะหมายความได้ว่า คนที่มาสอบที่นี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป
คนที่อยู่คณะนี้ทุกคนสอบที่นี่ หมายความว่า คนที่อยู่คณะนี้ ยึดติดกับชื่อเสียงจนเกินไป หรอ งง

ไม่ได้หมายถึงคนที่สอบแล้วได้เรียนที่นี้ยึดติดกับที่นี้ครับ
หมายถึงการที่ ตัวเลขคนมาสอบที่นี้เยอะเพราะยึดติดว่าที่นี้ ดีที่สุด  โดยไม่คิดว่า เป็นหมอจบที่หนก็เป็นหมอที่ดีได้

งงไหมนิ กลัวไม่เข้าใจเจตนาจัง
แล้วคุณไปยุ่งอะไรกับเขาหรอ?  ??? แต่ก็จริงนะ บางคนเอาชื่อ

ไม่ได้จะยุ่งครับ   แค่คิดว่ามันคือความจริงในตอนนี้ ไม่ได้บอกทำแบบนี้ไม่ดี แต่มันเป็นค่านิยมไปแล้วครับ 

แทนที่คนจะกระจายเรียนที่อื่น จะได้ยกระดับที่อื่นก็กลายเป็นมา แข่งกันในเพียงที่เดียว

ไม่มีใครผิดครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KiaGz!~ on September 03, 2009, 09:12:26 pm
โอ้วว Ethics มาก ๆ ต่างคนต่างเหตุผล ไม่มีถูกไม่มีผิดขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมุมไหน > <!!
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Dr.Lucacian on September 03, 2009, 09:41:33 pm
โอ้วว Ethics มาก ๆ ต่างคนต่างเหตุผล ไม่มีถูกไม่มีผิดขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมุมไหน > <!!

ถูกครับต่างคนต่างสถานะมุมมองไม่เหมือนทำให้ความคิดไม่เหมือนแต่ไม่แตกแยกครับ ยอมรับฟังทุก ความคิดเห็น

เอาเป็นว่าไงก็สู้ๆๆครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: KET on September 03, 2009, 09:46:20 pm
ยังไงก็ขอโทษพี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะถ้าหนูตอบอะไรที่มันไม่สมควร
หนูยังเด็กเกินไป อิอิ ต้องให้พวกพี่ ๆ ชี้แนะให้มากยิ่งขึ้นอ่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ

เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า อิอิ FIT FOR MDCU66  ;D
สู้ ๆ ทั้งเจ้าของกระทู้ + รุ่นพี่ที่ซิ่ว และ เพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันทุกนะคะ อิอิ

ปล.เดี๋ยวจะโปรโมตบอร์ดนี้ให้เพื่อนๆรู้ ขอค่านายหน้าด้วย 55555
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Dr.Lucacian on September 03, 2009, 09:57:17 pm
ยังไงก็ขอโทษพี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะถ้าหนูตอบอะไรที่มันไม่สมควร
หนูยังเด็กเกินไป อิอิ ต้องให้พวกพี่ ๆ ชี้แนะให้มากยิ่งขึ้นอ่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ

เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า อิอิ FIT FOR MDCU66  ;D
สู้ ๆ ทั้งเจ้าของกระทู้ + รุ่นพี่ที่ซิ่ว และ เพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันทุกนะคะ อิอิ

ปล.เดี๋ยวจะโปรโมตบอร์ดนี้ให้เพื่อนๆรู้ ขอค่านายหน้าด้วย 55555

อ่านมากไปอาจทำให้สมอง ทำงานหนักเกินไปน่ะครับ

ผมว่า  พักบ้างก็ได้น่ะ การพักผ่อนทำให้สมองฟื้นฟู  จะได้มีที่เก็บความรู้ไว้ใช้จนแก่น่ะ

ไม่ใช่ ไม่ทันแก่ สมองไปซะก่อน แบบนั้นแย่เลย
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Golden_Fish on September 04, 2009, 03:32:07 pm
ถ้ามีความสุขก็ทำไปเถอะครับ แต่ควรคิดให้รอบคอบก่อนนะ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: แซม on December 16, 2009, 03:09:36 pm
 :-\บอกตรงๆเบื่อ อาไรก็หมอ อาไรก็ หมอ หมอนี่มันมีคุณค่ามากกว่าอาชีพอื่นตรงไหนนักวิจัยช่วยเหลือมนุษย์ไม่ได้หรา วิศวกรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ได้หรอ จายึดติดกันไปทำไมนักหนา ลองมองดีๆ หมอก็แค่คนธรรมดาคน หมดลมเมื่อไรก็หมดกัน ใช้ชีวิตให้สบายๆมีความสุขเหอะ
ไม่รำคาญกันบ้างหรา

   ปล.ไม่ใช่หรอกค่อนข้างเฮริทที่บอกว่าเป็นนักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้ พอดีเป็นนักวิจัยซะด้วยของเลยขึ้น อยากจาบอกว่าถ้าไม่มีวิชาชีพของพวกฉันเนี่ยการแพทย์มันจะวิวัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้ไหมคะคุณว่าที่ นศพ.แพทย์คะ(ว่าที่จริงรึเปล่า)
    สุดท้ายเก็บไปคิด อาชีพหมอกับคนกวาดถนนในสายตาของเจ้าของกระทูมีคุณค่าเท่ากันหรือป่าว >:(
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Baros™ 『バーロス』 on December 16, 2009, 03:57:23 pm
:-\บอกตรงๆเบื่อ อาไรก็หมอ อาไรก็ หมอ หมอนี่มันมีคุณค่ามากกว่าอาชีพอื่นตรงไหนนักวิจัยช่วยเหลือมนุษย์ไม่ได้หรา วิศวกรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ได้หรอ จายึดติดกันไปทำไมนักหนา ลองมองดีๆ หมอก็แค่คนธรรมดาคน หมดลมเมื่อไรก็หมดกัน ใช้ชีวิตให้สบายๆมีความสุขเหอะ
ไม่รำคาญกันบ้างหรา
จริงครับ อาชีพไหนก็มีคุณค่าทั้งสิ้น ตราบใดที่ทำงานโดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และผมก็เชื่อว่าคุณเจ้าของกระทู้คิดเช่นนี้

แต่จากที่ผมอ่าน เจ้าของกระทู้เขาพยายามจะสื่อว่าเมื่อเทียบระหว่างการทำงานวิจัยกับการเป็นแพทย์ให้ความรู้สึกต่างกันโดยจุดหนึ่งที่สำคัญก็คือเจ้าของกระทู้คิดว่าการทำงานในฐานะแพทย์นั้น เราสามารถเห็นผลจากงานของเราได้ทันที

มากกว่าการเปรียบเทียบว่าอาชีพอะไรดีกว่าอะไรครับ :)

ถ้าไม่มีวิชาชีพของพวกฉันเนี่ยการแพทย์มันจะวิวัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้ไหมคะ
ถ้าไม่มีงานวิจัย การแพทย์ก็ไปไม่ได้หรอกครับ :)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Gun on December 16, 2009, 08:50:55 pm
:-\บอกตรงๆเบื่อ อาไรก็หมอ อาไรก็ หมอ หมอนี่มันมีคุณค่ามากกว่าอาชีพอื่นตรงไหนนักวิจัยช่วยเหลือมนุษย์ไม่ได้หรา วิศวกรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ได้หรอ จายึดติดกันไปทำไมนักหนา ลองมองดีๆ หมอก็แค่คนธรรมดาคน หมดลมเมื่อไรก็หมดกัน ใช้ชีวิตให้สบายๆมีความสุขเหอะ
ไม่รำคาญกันบ้างหรา

   ปล.ไม่ใช่หรอกค่อนข้างเฮริทที่บอกว่าเป็นนักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้ พอดีเป็นนักวิจัยซะด้วยของเลยขึ้น อยากจาบอกว่าถ้าไม่มีวิชาชีพของพวกฉันเนี่ยการแพทย์มันจะวิวัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้ไหมคะคุณว่าที่ นศพ.แพทย์คะ(ว่าที่จริงรึเปล่า)
    สุดท้ายเก็บไปคิด อาชีพหมอกับคนกวาดถนนในสายตาของเจ้าของกระทูมีคุณค่าเท่ากันหรือป่าว >:(

ใช่ครับ
จริงๆแล้ว คุณแม่ของผมก็เป็นนักวิจัย (นักเคมี) มาหลายสิบปีแล้ว
ผมก็เลยพอจะทราบถึงความรักความทุ่มเทที่มีต่องาน ของผู้ที่เป็นนักวิจัย
และผมก็ศรัทธาในงานของอาชีพนักวิจัยมากๆ  และอยากจะเป็นนักวิจัยที่ดีด้วย
ดังนั้น ผมเองก็รู้สึกแปลกๆกับคำว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" เช่นกัน

ในอีกแง่หนึ่ง ผมคิดว่าการที่นักวิจัยรุ่นอาวุโสแนะนำนักวิจัยรุ่นใหม่เช่นนี้ เป็นเรื่องที่น่ารักน่าชื่นชมมากครับ
อย่างน้อยก็ทำให้ผมเองได้ระลึกว่าคุณค่าของเราไม่ได้อยู่ที่การมีอะไรดีกว่าคนอื่น แต่อยู่ที่การทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่งานของเรา เพื่อสร้างคุณค่าแก่สังคม

ปล. จขกท เค้าคงไม่มีเจตนาจะลบหลู่ครับ คงเพียงแค่ใช้คำที่ล่อแหลมต่อการตีความในเชิงลบครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Plub42~63 on December 17, 2009, 02:26:57 am
เป็นกำลังใจให้สำหรับพี่เจ้าของกระทู้นะคะ ถ้าเป็นการตัดสินใจที่พี่คิดว่าดีที่สุดแล้ว(ยังไงพี่ก็รู้ปัจจัยการตัดสินใจของตัวเองดีที่สุดอยู่แล้ว) เดินหน้าเต็มกำลังเลยค่ะ ::)

สำหรับเรื่องเตรียมตัวสอบ ขออ้างประโยคเด็ดจากรุ่นพี่นะคะ "น้องไม่จำเป็นต้องอ่านตลอดเวลาที่ตื่น แต่น้องต้องตื่นตลอดเวลาที่อ่าน"

การเตรียมตัวสอบสำหรับตัวหนูเองเนี่ย อาศัยว่าตั้งใสม่ำเสมอตอนเรียนในห้อง แล้วถึงเวลาทวนก็เลยทวนได้เร็ว+ได้ผลดี

ถ้าเทียบกับพี่ที่ทำอยู่ก็คือ อ่านตอนนี้เหมือนกำลังตั้งใจเรียนอยู่ แต่จิงๆก็อยู่ที่โค้งสุดท้าย ว่าตอนนั้นใครจะแน่นกว่ากัน ประเมินด้วยการทำโจทย์เยอะๆละกันค่ะ

เมื่อสามปีที่แล้วเนี่ย หนูวิชาไหนที่คิดว่าอ่อนก็เน้น  ถ้าท้อก็ทำวิชาที่ทำได้ จะได้มีกำลังใจอะ

อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะที่สำคัญที่สุด ::)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: กวาง on December 17, 2009, 10:56:10 am
เอ รู้สึกว่า คำว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" มันไม่ใช่คำพูดของผมนี่นา

ผมบอกว่าไม่อยากเป็นนักวิจัยแก่ๆ เฉยๆครับ ซึ่งคำๆนี้มันก็ออกมาจากใจจริง เพราะตัวกระผมเอง คิดว่าคงเป็นนักวิจัยที่ดีได้ยากครับ
(ถ้าเคยอยู่ในวงการนี้จะรู้ว่า นักวิจัยเทพๆ เก่งจริงๆ น่ะมีไม่เท่าไหร่หรอกครับ ส่วนใหญ่ก็ทำวิจัยหวังผลงานเลื่อนขั้น กับเงินส่วนแบ่งนักวิจัย 10% ทั้งนั้น)

และคิดว่าถ้าได้เป็นนักวิจัย ผมคงไม่ใช่นักวิจัยที่เก่งกาจอะไร แต่ถ้าให้ทำงานไปตามหน้าที่ ผมคิดว่าผมได้ดีแน่ๆครับ

ผมเองยกย่องนักวิจัยหลายคน ในหลายๆสายงาน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงครับว่าไม่ใช่นักวิจัยทุกคนจะทำไปเพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ๆ
เกินครึ่ง ทำไปเพราะเรื่องตำแหน่ง ผลงาน และเงินทั้งนั้นครับ

ดังนั้น คำพูดที่ว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" น่ะมีอยู่จริงแน่นอน และผมก็ไม่ปราถนาจะเป็นแบบนั้นครับ

โปรดอย่าเข้าใจผิด ว่าผมดูถูกนักวิจัย หรือการวิจัย ผมเป็นเด็กวิทยาศาสตร์เต็มขั้น และรู้อยู่เต็มอกครับว่าประเทศชาติจะเจริญไม่ได้เลย ถ้าไม่มีการวิจัย แต่คำว่า "นักวิจัยที่เก่งและดี" กับ คำว่า"นักวิจัยเอื้ออาทร" ผมว่ามีความหมายต่างกันพอสมควรครับ

มันก็เหมือนกับคนที่ภูมิใจนักหนากับคำว่า ดร. ที่นำหน้าชื่ออยู่้ แต่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แสตท เมทาโด แอปแสตร็ค ยังต้องไปจ้างคนอื่นทำให้ นักวิจัยจอมปลอมก็มีลักษณะเหมือนกันครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: จูน on January 15, 2010, 11:23:25 pm
 :-*ขอนับถือในความกล้าหาญของ จขกท.ค่ะ  เพราะถ้าลองมองๆดูแล้วน้อยคนนะค่ะที่จะกล้าตัดสินใจแบบนี้  ต้องกลับไปเริ่มชีวิตมหาลัยใหม่ ซึ่งเวลาเหล่านั้นคุณอาจจะมีครอบครัวไปแล้ว  จูนเคยเห็นหลายๆคนทำงานไปแบบว่า ใช้ชีวิตไปวันๆขอแค่ให้ได้เงินเดือนก็พอ  แต่ไม่ได้มีความสุขกับจุดๆนั้นเลย  ซึ่งดูแล้วมันน่าเศร้านะค่ะ
  ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท. ค่ะ เพราะจูนก็กำลังเอนท์เข้าคณะแพทย์ปีนี้เหมือนกัน(แต่คิดว่าคงจะไม่ได้ เพราะพึ่งมาเริ่มอ่านหนังสือ มัวไปแลกเปลี่ยนเมืองนอกอ่าาา) แต่ถึงไม่ได้ปีนี้ก็รอปีหน้า จะพยายามจนกว่าจะได้  แล้วจะรอเจอ จขกท. นะคะ มาเป็นแพทย์จุฬาด้วยกัน ถ้าไม่ได้รุ่น 66 ก็ 67 ไม่ก็ 68 สักวันมันต้องสำเร็จค่ะ  เพื่อสิ่งที่เรารักที่จะทำมัน  เหนื่อยแค่ไหน ต้องรออีกนานแค่ไหนก็ยอม  :'(


                                                                                                                                            มามะ มาสู้ไปด้วยกัน  ;D
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: กวาง on January 16, 2010, 08:40:00 am
^
^
^
คิดเหมือนกันเลย ครับ
ตอนนี้ได้บรรจุเป็นข้าราชการแล้วเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา (สู้เกือบตาย กว่าจะได้บรรจุที่เดิม  :P)

ถ้าสอบแพทย์ติด ก็ลาเรียนได้ ไม่ต้องรบกวนเงินทางบ้าน (เห็นเค้าว่าสาขาขาดแคลน มีโอกาสลาเรียนได้เลย ไม่ต้องรออายุงาน 2 ปี)
แต่ปีนี้คงไม่ติดครับ เพิ่งอ่านทฤษฎีจบไปเอง ยังมึนๆอยู่เลย อาจต้องซ้ำอีกรอบ แหะๆ :-X

แต่ก็คิดเหมือนความเห็นข้างบน ได้เริ่มออกเดินทางแล้ว สักวันมันต้องถึงจุดหมายสิน่า ถึงเราจะวิ่งไม่เร็วเหมือนคนอื่นๆเขา แต่เดินไปเรื่อยๆ ถ้าไม่หยุดเิดินไปซะก่อน มันก็ต้องถึงที่เข้าสักวัน

เรียนใหม่ ไม่ใช่การเสียเวลา แต่มันคือการหาประสบการณ์ให้ชีวิตต่างหาก

เป็นหมอให้ได้ , สอบ TOEFL ให้ผ่าน , เล่นกีตาร์ให้ได้

3 อย่างนี้ทำสำเร็จ ผมก็ภูมิใจในชีวิตที่เกิดมาแล้วครับ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: teay on January 28, 2010, 04:05:05 pm
อืม จขกท.จบหมอเราคงใกล้จาจบเอกพอดีอะ :-X
ความคิดเห็นส่วนตัวของเรา ย้ำว่าของเรานะเราว่ามันเสียเวลามาก5ปีนี่ทำอาไรได้หลายอย่างเลยกลับไปเรียนป.ตรีใหม่นี่เราคงอกแตกตายแน่
แต่ยังไงเรื่องนี้ก็เปงการตัดสินใจของ จขกท.เองแหละจ้ะ ชีวิตเปงของเราซะอย่างอยากทำไรก็ทำ ก็มันชีวิตเรานี่เนาะ อยากจาทำอาไรอยากอยู่หรืออยากตายก็แล้วแต่ใจแต่ไม่จำเป็นต้องฝืนบนทางที่มันเกินกำลังนะเหนือ่ยนักก็พักก่อน แต่ถ้าตัดสินใจและคิดว่าดีแล้วก็ลุยเลย ไม่ต้องไปแคร์ใครโดยเฉพาะอิพวกเด็ดเฟรชชี่ สตอทั้งหลาย คิดเอาไว้ว่าก็กุจาเรียนอะพวกเมิงจาทำไม เงินก็เงินเราไม่ได้ขอพ่อขอแม่มานมาเรียนซักกะหน่อย ขอฝากถึงอิพวกเฟรชชี่บางตัวที่ชอบจับผิดเด็กซิ่ว ว่าเค้าว่าแก่มั่งไม่สดมั่ง มัวแต่มานั่งจับผิดคนนู้นแก่คนนี้แก่ ชาตินี้ไม่ต้องทำมาหาแด๊กแล้วอิ เด็ก ช้างขย่ม

อุ๊ยโทดอะลืมตัว     :(        พอดีตอนอยู่ปี1รุ่นเดียวกันมันมาเรียกเราพี่ เจ็บ................................. :-X
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: wichu on January 28, 2010, 08:50:31 pm
อย่า อย่าหยุดยั้งก้าวไปในสิ่งที่หมาย

อ่านเสร็จคิดถึงตัวเอง เราก็เรียนป.ตรีสองครั้งอะ ครั้งแรกก็กายภาพ(PT) ได้ปริญญามา(ตอนนี้ยังงงว่าเอาไปไว้ตรงไหน) มาต่อหมอ ตอนนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดเป้า ก็จะสำเร็จหมอ อิอิ เหนื่อยไหมเรียนกะเด็ก อยู่ที่เราเองว่าคาดหวังเท่าไร ถ้าประมาณตัวเองได้ก็สนุกอะ ถ้าหวังสูงก็ต้องเหนื่อยสูง ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ อะ ยังไงก็ขอให้ทำตามใจต้องการอะ แต่อย่างหนึ่งก็คือว่าถามใจตัวเองให้ดี ๆ เพราะการจะให้โอกาสตัวเองเป็นครั้งที่สามอาจจะยากกว่านี้ อย่างที่เขาว่า(ไม่ทุกคนนะ)คนในอยากออกคนนอกอยากเข้าขอให้สำเร็จตามใจหวังนะ  8)  ::)
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: aralejung on January 29, 2010, 03:37:09 pm
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะคะ
การเรียน 6 ปีนี้...ไม่ทำให้เสียเวลาหรอกค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าของกระทู้ตั้งเป้าหมายในชีวิตว่ายังไง

จะแต่งงาน มีครอบครัวไหม
จบหมอแล้ว ต้องไปใช้ทุนที่ไหน ต้องเรียนต่อเฉพาะทางอะไรอีกรึป่าว

การรักษาของแพทย์ เห็นผลช้าก็มี ได้ผล..คนไข้หายดี คนไข้รอด..ก็ดีไป
แต่ถ้าเห็นผลช้า...คนไข้ไม่ดี ถึงขั้นเสียชีวิตล่ะคะ?? คุณต้องทำใจเตรียมรับสภาพนี้ให้พร้อมด้วยนะ
คนไข้บางคน...มาเร็ว...ไปเร็วมาก...
นึกภาพว่า "คุณ" เป็นคนเดียวในการดูแลรักษา เป็นคนที่เซ็นลายเซ็นสั่งการรักษาลงไป
เตรียมใจไว้ให้พร้อมด้วยนะคะ

ทุกอาชีพทำงานเกื้อหนุนกัน
แพทย์ ไม่สามารถทำงานสำเร็จได้ถ้าขาดคุณพยาบาล ผู้ช่วย นักเทคนิคการแพทย์ นักการภารโรง
ยาใหม่ๆ ข้อมูลใหม่ๆที่แพทย์อ่านและทราบได้ ก็มาจากงานวิจัย
ไม่มีงานไหนสำเร็จได้โดยกำลังแพทย์เพียงคนเดียว

รายได้ อาจฟังว่าดูดี แต่เทียบกับเวลาในการทำงานแล้ว แพทย์ทำงานหนักมาก...เวลาพักผ่อนน้อย...
หารออกมาเป็นรายได้ต่อชั่วโมงแล้วอาจน้อยไปด้วยซ้ำ
ออกกำลังกายน้อย อายุสั้น อายุการทำงานก็อาจจะสั้นในบางสาขาวิชา

พี่คงได้เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจแล้วล่ะ
เราคงได้แค่บอกเฉยๆ

โชคดีค่ะ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: TToTT on January 30, 2010, 01:40:35 pm
เอ่อ.....สวัสดีค่ะพี่ๆหมอทุกคนคือว่าหนูมีเรื่องจะมาขอคำแนะนำจากพี่ๆทุกคนค่ะ  คือว่าหนูอยากเป็นหมอมากๆแต่เนื่องจากเป้นความผิดพลาดของตัวหนูเองที่เตรียมตัวอ่านหนังสือไม่ดีเองทำให้ไม่มั่นใจว่าในการสอบครั้งนี้หนูจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่หนูสอบได้คณะสาธารณสุขแต่หนูไม่ชอบเรียนและคิดว่าถ้าจบมาแล้วก็คงไม่มีความสุขที่ไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองได้แต่ก็ต้องมาเครียดอีกก็แม่ของหนูอยากให้หนูมอบตัวแล้วเรียนคณะนี้เลย  ถ้าสอบติดแพทย์แม่ก็ให้เรียนแพทย์แต่ ถ้าสอบไม่ติดขึ้นมาซึ่งก็หมายความว่าหนูต้องเรียนสาธารณสุขที่แม่ของตนเองชื่นชอบเพียงเหตุผลที่ว่า งานสบาย เงินมีใช้ ไม่ต้องรับผิดชอบมากเหมือนกับแพทย์ ซึ่งก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่จริง แต่มันผิดมากหรือคะที่เรารักในงานตรงนี้ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยสักเเค่ไหนก็ตามถ้าเรามีใจที่รักที่จะทำในงานตรงนี้ก็หายเหนื่อยแล้วเลยอยากจะรบกวนถามพี่ๆหมอและคนทั่วไปว่าจะผิดไหมถ้าเกิดว่าสอบไม่ติดแล้วเราจะหยุดเรียนไปปีหนึ่งแล้วใช้เวลาที่มีอยู่ใน1ปีนี้ให้เต็มที่ในการอ่านหนังสือ ทำโจทย์เยอะๆเพื่อมาสอบใหม่ใน ปีหน้าต่อไปซึ่งหนูคิดว่าหนูทำได้แน่ๆ จริงๆนะคะ หรือจะเรียนตามที่แม่บอกไปก่อนแล้วซิ่วมาสอบแพทย์อีกทีแต่ในมหาลัยกิจกรรมก็เยอะไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบในห้องเรียนและอ่านหนังสือเตรียมสอบแพทย์อีกด้วย  คิดว่าคงมีเวลาไม่มากพอที่จะเตรียมตัวสอบก็เลยอยากจะมาขอคำแนะนำจากพี่ๆว่าควรจะทำแบบไหนดีคะ
Title: Re: แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ
Post by: Rabii_G on January 30, 2010, 04:33:06 pm
น้อง KET พี่ว่าน้องจริงจังมากจังเลย

พี่เข้าใจว่าน้องอยากจะเข้ามากๆ แต่ดูแลสุขภาพบ้างนะคะน้อง

เห็นอ่านหนังสือแบบนี้ พวกพี่ๆบางคนยังทำไม่ได้เลยค่ะน้อง(เช่นพี่) :-[

ระวังสุขภาพย่ำแย่เอานะน้อง อีกอย่าง อยู่ม.ปลายหาความสุขในชีวิตเผื่อบ้างก็ได้นะน้อง

เป็นช่วงเวลาที่จะได้เที่ยวไหนต่อไหนเยอะสุดแล้ว ชีวิตเราไม่ได้มีแค่นี้น้ะจ้ะ ::)


เอ่อ.....สวัสดีค่ะพี่ๆหมอทุกคนคือว่าหนูมีเรื่องจะมาขอคำแนะนำจากพี่ๆทุกคนค่ะ  คือว่าหนูอยากเป็นหมอมากๆแต่เนื่องจากเป้นความผิดพลาดของตัวหนูเองที่เตรียมตัวอ่านหนังสือไม่ดีเองทำให้ไม่มั่นใจว่าในการสอบครั้งนี้หนูจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่หนูสอบได้คณะสาธารณสุขแต่หนูไม่ชอบเรียนและคิดว่าถ้าจบมาแล้วก็คงไม่มีความสุขที่ไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองได้แต่ก็ต้องมาเครียดอีกก็แม่ของหนูอยากให้หนูมอบตัวแล้วเรียนคณะนี้เลย  ถ้าสอบติดแพทย์แม่ก็ให้เรียนแพทย์แต่ ถ้าสอบไม่ติดขึ้นมาซึ่งก็หมายความว่าหนูต้องเรียนสาธารณสุขที่แม่ของตนเองชื่นชอบเพียงเหตุผลที่ว่า งานสบาย เงินมีใช้ ไม่ต้องรับผิดชอบมากเหมือนกับแพทย์ ซึ่งก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่จริง แต่มันผิดมากหรือคะที่เรารักในงานตรงนี้ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยสักเเค่ไหนก็ตามถ้าเรามีใจที่รักที่จะทำในงานตรงนี้ก็หายเหนื่อยแล้วเลยอยากจะรบกวนถามพี่ๆหมอและคนทั่วไปว่าจะผิดไหมถ้าเกิดว่าสอบไม่ติดแล้วเราจะหยุดเรียนไปปีหนึ่งแล้วใช้เวลาที่มีอยู่ใน1ปีนี้ให้เต็มที่ในการอ่านหนังสือ ทำโจทย์เยอะๆเพื่อมาสอบใหม่ใน ปีหน้าต่อไปซึ่งหนูคิดว่าหนูทำได้แน่ๆ จริงๆนะคะ หรือจะเรียนตามที่แม่บอกไปก่อนแล้วซิ่วมาสอบแพทย์อีกทีแต่ในมหาลัยกิจกรรมก็เยอะไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบในห้องเรียนและอ่านหนังสือเตรียมสอบแพทย์อีกด้วย  คิดว่าคงมีเวลาไม่มากพอที่จะเตรียมตัวสอบก็เลยอยากจะมาขอคำแนะนำจากพี่ๆว่าควรจะทำแบบไหนดีคะ


ส่วนอันนี้ "แต่มันผิดมากหรือคะที่เรารักในงานตรงนี้ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยสักเเค่ไหนก็ตามถ้าเรามีใจที่รักที่จะทำในงานตรงนี้ก็หายเหนื่อยแล้ว" มันไม่ผิดค่ะน้อง แต่มันขึ้นอยู่กับว่าน้องรักทางด้านนี้จริงๆมั๊ย พร้อมแค่ไหนกับการที่จะตัดสินใจแบบนั้น ต้องมองหลายๆด้านค่ะ

พี่คงแนะนำอะไรมากไม่ได้ เพราะแต่ละคนไม่เหมือนกัน มันขึ้นอยู่กับหลายๆด้าน ทั้งความพร้อม และปัญหาหลายๆอย่างที่อาจจะตามมา ก็คิดดูดีๆแล้วกันค่ะ ทั้งเรื่องหยุดไปก่อนหรือเรียนต่อ มันขึ้นกับตัวเองเองแล้วล่ะจ้ะ