Docchula Community

Docchula Public Board => แนะนำการศึกษาต่อคณะแพทย์จุฬาฯ => Topic started by: Tom on August 18, 2009, 11:46:41 pm

Title: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Tom on August 18, 2009, 11:46:41 pm
ได้สอบถามจากหลายๆ ที่  ต่างก็แนะนำแตกต่างกันไป
สุดท้ายก็มีผู้แนะนำให้มาขอคำแนะนำเพิ่มเติมที่บอร์ดนี้ครับ

เริ่มรู้สึกว่าสนใจวิชาแพทย์ขึ้นมาระยะหนึ่งแล้วครับ
ก็พยายามจะตัดใจมาตลอด  เพราะได้ตัดสินใจเลือกเรียนสายศิลป์ไปแล้ว
จนถึงตอนนี้อยู่ ม.5  แต่ก็ยังตัดใจไม่ลงครับ
แต่ถ้าจะให้ไปเข้าม.4 สายวิทยาศาสตร์ใหม่  ก็คงไม่ไหวแล้วครับ

ก็เลยลองหาข้อมูลดู  ว่าพอมีช่องทางไหนบ้าง
แรกๆ  ก็ดูเหมือนจะบอกว่า  ขอแค่จบม.6 มาไม่ว่าสายอะไร
ถ้าสอบเข้าได้ก็เรียนได้ทั้งนั้น  แต่ไปๆมาๆก็กลายเป็นว่าถึงสอบได้
แต่ก็ยังขาดคุณสมบัติ  และจะถูกตัดสิทธิตอบสอบสัมภาษณ์ได้
สงสัยรับเด็กสายศิลป์แล้ว  จะทำให้เกิดความพินาศล่มจมแก่วงวิชาการ
 ;D

เขาบอกว่าเพราะหน่วยกิตวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่เรียนไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
ก็มีคนแนะนำต่างๆกันไป

ส่วนใหญ่ก็ว่าให้หาทางเข้าคณะสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ  แล้วไปสมัครสอบ new tract
แต่การที่สายศิลป์จะไปเรียนคณะวิทยาศาสตร์สุขภาพก็คงไม่ง่ายเหมือนกันสิครับ
มหาวิทยาลัยที่มีโครงการ  new tract   ก็มีแค่สองแห่ง  และรับปีละไม่มาก
แถมยังจำกัดคุณสมบัติอื่นๆอีกมาก  เช่นต้องเป็นข้าราชการกระทรวงสาธารณสุข

บ้างก็ว่าถ้าจะเรียนในเมืองไทย  คงจะยากแล้ว
แนะนำให้ไปเรียนแพทย์ที่ฟิลิปปินส์  เพราะเข้าได้ง่าย  ค่าใช้จ่ายไม่สูงจนเกินไปนัก
แต่ต้องจบปริญญาตรีทางด้านวิทยาศาสตร์ก่อน  อันนี้ก็น่าสนใจครับ
เพราะก็ได้อยู่สายศิลป์ภาษาและเรียนภาษาฝรั่งเศสมาแล้ว  ก็ไม่อยากจะทิ้ง
อยากจะเรียนต่อให้ถึงในระดับปริญญาตรี  พร้อมกันนั้นก็เรียนคณะวิทยาศาสตร์  รามฯไปด้วย  
แล้วจึงไปเรียนแพทย์ต่อที่ฟิลิปปินส์  แต่ก็อยากให้เป็นทางเลือกสุดท้ายจริงๆ

ทางหนึ่งที่ไม่เห็นมีใครแนะนำคือ  ไปเรียนเอาวุฒิ ม.6 กศน.
ไม่รู้เป็นเพราะว่าไม่สามารถใช้สมัครสอบเข้าคณะแพทย์ได้หรือครับ
หรือสอบได้แต่จะขาดคุณสมบัติอีกเหมือนกัน  ช่วยตอบด้วยนะครับ

ถ้ากศน. เรียนแพทย์ไม่ได้  หรือเกิดกศน. ไม่รับผู้ที่จบ ม.6 มาเรียน
ก็คงหมดหนทางจริงๆ แล้วใช่ไหมครับ
 :'(

  
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Gun on August 19, 2009, 06:06:09 pm
สอบข้อเขียนให้ได้ก่อนครับ

สอบสัมภาษณ์ ถ้าไม่มีอาการทางจิตอย่างรุนแรงก็ไม่น่ามีปัญหา
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: พีทซ่า@Gr.ofSeventeen on August 19, 2009, 06:11:09 pm
ถ้าไปเรียนม4 ใหม่ น่าจะเป็นการเสียเวลาที่น้อยที่สุดและตั้งต้นได้ดีที่สุดนะครับ

อันนี้เป็นคงเห็นส่วนตัว ก็มีในรุ่นหลายปีที่มีคนแก่ๆอะ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้เลย

แต่เราก็ต้องสู้เพราะเราเองก็เสียเวลาไปหลายปีแล้ว ก็ึคงต้องตั้งใจอย่างเต็มที่หน่อย

เพื่ออนาคต อย่ามีคำว่าอาย

แก่ไปสองปี ไม่เรียกแก่หรอกครับ ก็คงล้อๆกันในรุ่นบ้าง รู้กันในหมู่น้องรหัสพี่รัหสบ้าง

แต่แล้วไง ก็ไม่้เกิดอะไรขึ้น

แต่หนทางที่กล่าวมาอื่นๆนั้น คงจะยากกว่ากัน
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: lจ้าxญิงทoผ้า on August 19, 2009, 08:05:52 pm
พี่ไม่แน่ใจว่าการสมัครแพทย์นั้นได้กำหนดคุณสมบัติไว้ตั้งแต่แรกเลยหรือไม่ว่าน้องเป็นนักเรียนสายวิทย์ คณิต
ถ้าเกิดมันไม่กำหนด  แล้วดันมากำหนดในปีที่น้องสอบขึ้นมา  น้องซวยค่ะ
ถ้าน้องจะไปต่อคณะวิทยาศาสตร์ปัญหาใหญ่อย่างแรกเลยคือ  น้องไม่มีพื้นฐานเกี่ยวกับด้านวิทย์มา
การแข่งขันกับคนอื่นๆจะยากมาก  อย่าลืมนะคะว่าการเรียนมหาลัยเป็นการแข่งกับคน  ไม่ใช่เกณท์คะแนน
ในความคิดพี่  พี่ว่าคณะวิทย์มันเรียนยาก  เพราะเคมีก็ทำพี่หัวบวม  ฟิสิกส์พี่ก็โง่  แคลพี่ก็ไม่รู้เรื่อง
เพื่อนพี่เรียนศิลป์ฝรั่งเศสแต่ดันอยากเรียนการบินพลเรือน  แล้วมันก็ติด
ก็มักโทรมาบ่นเรืองเรียนเป็นประจำ  พี่เรียนสายวิทย์มายังเรียนไม่รู้เรื่องเล้ยยยย
ดังนั้น  น้องควรเรียนพิเศษเคมี ฟิสิกส์  ชีวะ  เลขไปด้วย
เพราะการเรียนปี 1 ในมหาลัยนั้นจะต้องใช้ความรู้พื้นฐานในม.ปลายอยู่

จริงๆแล้วพี่ว่าการไปเรียนม.4 ใหม่เลยก็เป็นวิธีการที่ดี
เพราะน้องเสียเวลาไปแค่ 2 ปี  ดีกว่าการที่น้องเรียนปริญญาตรี4 ปีแล้วไปต่อแพทย์
ด้านภาษาที่น้องไปอยากทิ้งก็ไปเรียนพิเศษเอาก็ได้ค่ะ  พี่ว่าหมอพูดฝรั่งเศษได้ก็เจ๋งดี

แต่พี่อยากให้น้องถามตัวเองก่อนว่า" อยากเรียนหมอเพราะอะไร"
"อยากเรียนหมอจริงๆเหรอ"
แน่ใจหรือไม่ว่าน้องเรียนแล้วนี่คือสิ่งที่เหมาะกับตัวน้องจริงๆ

เพราะถ้าน้องไม่แน่ใจแล้วละก็  เวลาที่น้องทุ่มเทมาหลายปีจะเสียเปล่าทันที
เกิดเรียนแล้วไม่มีความสุขขึ้นมา  น้องก็โทษใครก็ไม่ได้  นอกจากตัวเอง
ปัจจุบันนี้  เพื่อนพี่หลายคนก็บอกว่าถ้ากลับไปเลือกใหม่ได้  จะไม่เรียนคณะนี้
คณะนี้เรียนหนักมาก  หนักจริงๆ  การแข่งขันก็สูง  ยิ่งช่วงสอบจะเครียดกันมาก
แม่พี่เห็นตำราตอนอ่านหนังสือสอบแล้วบอกว่า "แน่ใจนะลูกว่าไอ้กองนี้วิชาเดียว"
"ช่ายแม่  วิชาเดียว  เนี่ยยังเหลืออีก4 กอง"   :'(


คิดดูดีๆนะคะ  ว่าน้องอยากเรียนจริงๆหรือเปล่า
ถ้าน้องอยากเรียนจริงๆ  พี่ก็เอาใจช่วยค่ะ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Tom on August 24, 2009, 10:58:11 pm
ขอบคุณสำหรับทุกคำตอบนะครับ


คิดอยู่ว่ากลับไปเรียนม.ปลายใหม่น่าจะดีที่สุด
แต่ว่าแม่ไม่ยอมเลยอ่ะครับ  บอกว่าถ้าเข้าเรียน ม.4 ปีหน้า
ก็จะจบ ม.6  ตอนอายุ  20  ปี  คงจะไม่ไหว

เรียนสายศิลป์ต่อไปจนจบม.6ได้ไหมครับ
ถ้ายังอยากเรียนแพทย์อยู่  ก็ไปเรียนกศน.  ระหว่างเรียนปริญญาตรี
หลังจากเรียนจบปริญญาตรี  ก็ไปแอบสมัครสอบ กสพท.
ถ้าเกิดติดขึ้นมาได้จริงๆ แม่ก็คงจะยอมให้เรียนอยู่มั้งครับ

พี่ๆ  คิดว่าเป็นยังไงๆครับ  จะเสียเวลาเกินไปหรือเปล่า
 :P


 
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: -:•:- 騎馬王丸 -:•:- on August 24, 2009, 11:21:19 pm
เสียเวลามากค่ะ ถ้ามันไม่มีปัญหาอะไรกับเรื่องสายการเรียนก็ไม่เกี่ยงอ่ะ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: lจ้าxญิงทoผ้า on August 25, 2009, 08:31:52 pm
ประเด็นต่อมาคือถ้าจบปริญญาตรีแล้วไปสอบแพทย์จะเสียเวลาหรือเปล่าใช่มั๊ยค่ะ

ไม่เสียเวลาหรอกค่ะ  ถ้าสิ่งที่น้องทำน้องคิดว่าเป็นสิ่งที่น้องทำแล้วมีความสุข  รักที่จะทำมันจริงๆ

ไม่มีคำว่าสายหากน้องตั้งใจที่จะทำ

ที่นี่ก็มีคนที่จบปริญญาตรีแล้วมาเรียนก็มีค่ะ  แต่พี่คิดว่าน้องต้องอ่านหนังสือพอสมควรเลยนะ

เพราะตอนนี้ให้พี่ไปสอบเอนท์ใหม่พี่ก็คงไม่ติดแล้วล่ะน้อง
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Tom on August 28, 2009, 09:05:55 pm
หุหุ พี่ครับ

พอดีเจอพ่อเพื่อนเป็นหมอ  แล้วได้เล่าให้ท่านฟัง
ท่านกลับตลกแล้วก็หัวเราะเรา  บอกว่าไม่ได้ปิดกั้นอะไรทั้งนั้น
ขอให้สอบเข้าได้ก็แล้วกัน  เพราะว่าสมัยท่านเรียนก็มีเด็กสายศิลป์เข้ามาเรียนได้อ่ะครับ

เราก็งง  เพราะเข้าใจมาตลอดว่าสายศิลป์เรียนไม่ได้
เพราะขาดคุณสมบัติ  ที่หน่วยกิตวิชาคณิต วิทย์ที่เรียนไม่ถึง
แล้วพอกลับไปถามอาจารย์แนะแนวใหม่  ท่านก็ยืนยัน
ว่าสายศิลป์สอบได้  แต่เรียนไม่ได้  นอกจากจะไปเรียนกศน.ใหม่

ทีนี้ถ้าเรียนกศน.ใหม่  ก็ตะต้องจบม.6  ก่อนอ่ะครับถึงจะเรียนได้
เลยคิดว่าจะเรียนไปพร้อมกับเรียนปริญญาตรีไงครับ
แต่ทีนี้ถ้าเป็นอย่างที่พ่อเพื่อนว่า  ก็จะได้ไม่ต้องไปรอเรียนปริญญาตรี

ตกลงมันยังไงแน่หรอครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: IPPUsama on August 28, 2009, 09:22:01 pm
พี่ว่า พ่อของเพื่อนน้องคงเอาระเบียบตอนตัวเองสอบเป็นหลักอ่ะ
มันก็จริงอยู่ว่าสายศิลป์เข้าไปก็เรียนได้เหมือนกัน มันไม่มีกำหนดนะว่าต้องเรียนวิทย์กี่หน่วยกิต


ประเด็นมันอยู่ที่ ปีที่น้องสอบและปีถัดๆไปเนี่ย  ถ้าเกิดมีกฏระเบียบออกมาว่า เด็กสายวิทย์-คณิตเท่านั้นที่มีสิทธิสมัครสอบแพทย์
ถึงน้องมีความรู้แค่ไหน น้องก็ไม่มีสิทธิ์สอบ ก็คือน้องก็จะเสียเวลาเปล่าๆไปเลยนะ
พี่ว่าถ้าน้องเอาจริงเอาจังมากน่ะนะ เปลี่ยนสายเถอะครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: lจ้าxญิงทoผ้า on August 28, 2009, 09:38:17 pm
ก็เหมือนข้างบน
คือระเบียบการสมัครนั้นอาจจะเปลี่ยนไปได้ในทุกปี(การสอบเข้ามหาลัยยังเปลี่ยนได้เลย  จริงมั๊ย)
น้องต้องยึดปีของน้องเป็นหลัก  ซึ่งมันก็ยังไม่ออก
พี่ไปถามเพื่อนพี่มา  มันก็บอกว่าหน่วยกิตไม่พอนะ  ส่วนเรื่องเรียนกศน. อันนี้พี่ไม่ทราบค่ะ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: doctorpuchong on August 29, 2009, 12:02:19 am
...เรื่องของเจ้าของกระทู้นี้น่าสนใจดี

อยากเป็นหมอ แต่หลุดไปเรียนสายศิลป์ภาษามาแล้ว  อืมม์

ตอนนี้ ทางที่เป็นไปได้ (แม้ว่าจะไม่มีใครทำกันเท่าไหร่) ก็คงเป็นการลาออกมาเรียนสายวิทย์ใหม่ครับ
ถ้าเรียนตณะอื่น ไม่ง่ายเท่าไหร่แล้วมั้งที่จะย้อนกลับมา
แก่ๆไป สมองมันรับสิ่งใหม่ๆได้ช้านะครับ เรียนยากขึ้นจม

หรือลองดูโรงเรียนแพทย์นอกประเทศที่ไม่ติดกับเรื่องพวกนี้
เช่น  ที่ฟิลิปปินส์ (ซึ่งหลายๆที่สอนดีมากนะ ได้ความรู้ ทักษะ และแถมภาษาอังกฤษดีมาก)
ว่าเค้ากำหนดหรือไม่ หรือแค่สอบให้ได้   

แต่
แต่
แต่

แน่ใจแล้วหรือ ครับ ที่จะมาเรียนหมอ ?

Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Tom on September 02, 2009, 06:43:55 pm
จริงๆแล้วอยากกลับไปซิ่วเรียนสายวิทย์ใหม่มากครับ
แต่แม่ไม่ยอมท่าเดียว  ท่านค่อนข้างหัวโบราณ
ไม่ได้ใช้มาแต่คอมแต่เด็ก  เลยไม่คิดว่าชีวิตจะ reset ได้
ตัดสินใจเลือกแล้ว  ต้องเดินหน้าอย่างเดียว
เศร้ามากๆเลยครับ 

ทางเดียวตอนนี้ที่อาจารย์แนะแนวแนะนำ
ก็คือให้เราลาออก  แล้วโอนหน่วยกิตไปเรียนกศน.
ลงเรียนแล็บของกศน.เพิ่ม  จบมาเอาวุฒิกศน.
ไปสอบได้  และมหาวิทยาลัยก็ไม่มีสิทธิตัดสิทธิเราถ้าสอบติด
เพราะโครงสร้างหลักสูตรจะมีหน่วยกิตวิทย์คณิตครบอ่ะครับ
ก็จะไม่เสียเวลาซ้ำชั้น

แต่ก็ไม่กล้าอ่ะครับ  เหอะๆ
อีกอย่างถึงไปซ้ำชั้นเราก็จะจบม.6 อายุ 20
เรียนต่อไปจนจบต่อปริญญาตรี  แล้วเรียนกศน.ไปด้วยได้ไหมครับ 
เราก็จบอายุ 22  ห่างกันแค่ 2 ปี
แต่เราก็ได้ปริญญาตรีอีกใบไม่ใช่หรอครับ

แล้วถ้าตอนนี้จนถึงม.6  จะทิ้งวิทย์ คณิตไปก่อนจะเป็นไรไหมครับ
เพราะถึงจะสายศิลป์ภาษา  แต่ที่นี่ก็เข้มมาก  ไม่อย่างจะจับหลายอย่างอ่ะครับ
เดี๋ยวจะไม่จบเอา  หนังสืออ่านนอกเวลามารายการยาวเหยียด 
แบบที่อ่านไม่ต้องไปทำมาหากินอะไรอื่นเลย   
ศัพท์แต่ละคำ  ภาษาสมัยสุนทรภู่ทั้งนั้น
บางคำที่ดูออกนะครับว่าเป็นคำไหนในปัจจุบัน
perchance,good morrow,yesternight ฯลฯ
5555+ เรียนศิลป์ก็ฮาอย่างนี้เองครับ
ส่วนวิทย์คณิตค่อยไปรื้อฟิ้นตอนเรียนปริญญาตรีได้ไหมครับ

สำหรับที่ฟิลิปปินส์  ก็คิดไว้เหมือนกันครับ
หากหมดหนทางจริงๆ  ก็คงจะต้องไป
เพราะสอบถามพี่ๆที่เรียนที่นั่นบอกว่า
เขาบังคับแค่ต้องเรียนจบปริญญาตรี 
ไม่ดูสายการเรียนตอนม.ปลาย  เขาอาจไม่ได้มีสายเหมือนเราด้วย
บางโรงเรียนกำหนดเพียงแค่จบจากคณะสายวิทยาศาสตร์
บางโรงเรียนก็กำหนดแค่จบปริญญาตรีเฉยๆครับ
ไม่รู้พี่เขาพูดให้กำลังใจเราหรือเปล่านะครับ
ที่นี่เข้าเรียนง่ายมาก  ถึงขนาดใครไปสอบก็ได้เกือบทุกคน

ส่วนตัวแล้วไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลาเลยครับ
คิดว่าชีวิตนี้เกิดมาครั้งเดียว  อยากทำอะไรก็ควรจะพยายามทำตามฝัน
ยิ่งเป็นเรื่องเรียนเรื่องอาชีพด้วยแล้ว  ยิ่งไม่สนใจเวลาเลย
     
พูดมากนิดนึงนะครับ  หุหุ 
ศักยภาพเด็กศิลป์

 :D

สุดท้ายก็ต้องขอบคุณพี่ๆ มากครับ
สำหรับคำแนะนำที่มีค่ายิ่ง
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Baros™ 『バーロス』 on September 02, 2009, 07:33:20 pm
พี่อ่านจากที่น้องพิมพ์ ก็ดูน้องก็ไม่ได้ไม่อยากเรียนสายศิลป์นะ

และที่สงสัยมากก็คือทำไมถึงคิดอยากจะมาเรียนหมอ



ถ้าน้องไม่ได้ซีเรียสเรื่องเวลาจริงๆ พี่ว่าลองคิดดูใหม่อีกครั้งก่อนตัดสินใจอะไรดีที่สุด

ทำไมเราถึงอยากเรียนหมอ ?
ถ้าไม่เรียนหมอ เรามีอย่างอื่นที่สายศิลป์เรียนได้แล้วอยากจะเรียนไหม ? ไหนๆก็มีศักยภาพเด็กศิลป์แล้วนี่ ;)


พี่เป็นคนที่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำนะ แต่บางครั้งเราก็ต้องคิดให้ดีและให้รอบด้านก่อนจะตัดสินใจอะไรใหญ่ๆเหมือนกัน



ยังไงก็ตาม ไม่ว่าน้องจะเลือกเส้นทางไหนก็ขอให้โชคดีครับน้อง ;)

ปล. พี่ว่าการที่แม่น้องไม่เคยใช้คอมและไม่ยอมให้ซิ่วนี่ไม่เกี่ยวอะไรกับคนหัวโบราณเลยนะครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: ACE on September 05, 2009, 08:33:28 pm
เพิ่งเข้ามาเห็นกระทู้นี้แหละครับ
ตอนนี้ผมอยู่ ม.4 ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง (บอกไปคงไม่มีใครรู้จักหรอก เพราะโรงเรียนผมไม่ดังเลย) 55+

หลังจากอ่านจบแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าพี่ KET (ขอเรียกว่าพี่ละกันนะครับ...ไม่รู้ใช่พี่รึเปล่า? 555+) น่าจะเก่งมากเลยอ่ะครับ
เลยอยากขอคำแนะนำจากพี่ดูบ้าง เผื่อจะเอาไปปรับใช้กับตัวเอง
แบบประมาณว่า วันๆ นึงพี่ทำอะไรบ้างอ่ะครับ

ขอบคุณครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Nosferatu on September 05, 2009, 08:47:52 pm
...เรื่องของเจ้าของกระทู้นี้น่าสนใจดี

อยากเป็นหมอ แต่หลุดไปเรียนสายศิลป์ภาษามาแล้ว  อืมม์

ตอนนี้ ทางที่เป็นไปได้ (แม้ว่าจะไม่มีใครทำกันเท่าไหร่) ก็คงเป็นการลาออกมาเรียนสายวิทย์ใหม่ครับ
ถ้าเรียนตณะอื่น ไม่ง่ายเท่าไหร่แล้วมั้งที่จะย้อนกลับมา
แก่ๆไป สมองมันรับสิ่งใหม่ๆได้ช้านะครับ เรียนยากขึ้นจม

หรือลองดูโรงเรียนแพทย์นอกประเทศที่ไม่ติดกับเรื่องพวกนี้
เช่น  ที่ฟิลิปปินส์ (ซึ่งหลายๆที่สอนดีมากนะ ได้ความรู้ ทักษะ และแถมภาษาอังกฤษดีมาก)
ว่าเค้ากำหนดหรือไม่ หรือแค่สอบให้ได้  

แต่
แต่
แต่

แน่ใจแล้วหรือ ครับ ที่จะมาเรียนหมอ ?

เข้ามาเห็นด้วยกับอาจารย์ค่ะ  (ใช่อาจารย์ป้ะพี่555)

หนูเคยมางานจุฬาวิชาการแล้วดิ่งมาคณะแพทย์เลยค่ะ
แล้วก็ดิ่งมาที่ตรงนิติเวชอ่ะค่ะ ผ่าศพสดๆ เพิ่งเสียชีวิต 1 ชม.
ซึ่งถ้าเข้าห้องสด จะได้กลิ่นฟอร์มาลีน และผ่าให้เห็นจะๆ
บางคนก็ถึงกับอ้วกเลยแล้วเดินออกไปนอกห้อง
แต่สำหรับหนู คิดว่า... "ผ่าให้มันลึกๆ กว่านี้อีกได้มั้ยพี่!" 55555

ต้องลองถามตัวเองดูก่อนว่าอยากเป็นแพทย์เพราะอะไร อันนี้สำคัญมากๆ
สำหรับหนู! หนูจะทำด้านความงามค่ะ พวกศัลยกรรม สิว ฝ้า ผิวขาวอมชมพู อะไรอย่างนี้
เพราะว่าโดยส่วนตัว อยากสวย ค่ะ
แล้วก็อยากที่จะศึกษาร่างกายให้มากขึ้น
เพื่ออยากให้ตัวเองดูดีขึ้นค่ะ5555 แล้วก็อยากให้คำปรึกษา+รักษาด้วย
เพราะหนูเป็นคนหน้าใส+ไม่ได้ดัดฟันแต่ฟันเหมือนดัดมา เพื่อนก็ชอบถามว่าไปทำอะไรมา
หนูก็บอกๆ แล้วเพื่อนก็มาขอคำปรึกษาเพียบ หนูก็ชอบศึกษาเรื่องพวกนี้ ค้นคว้าข้อมูลมา
และก็อยากรู้วิธีการรักษาด้วย ผนวกกับชอบวีชาชีวะเพราะได้คะแนนเยอะสุด555
ก็เลยตัดสินใจอยากเรียนแพทย์ ส่วนเลือกสายก็คงเลือกอะไรที่เกี่ยวกับเสริมความงาม
ส่วนเรื่องเงิน+ชื่อเสียงหนูไม่ค่อยให้ค่าน้ำหนักมากเพราะถ้าอย่างนี้หนูไปเป็นนักแสดง+นักการเมืองดีกว่ามั้ย?
และหนูก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือด้วย ดึกแค่ไหนไม่เกี่ยง!!!!!!
โต้รุ่งเป็นประจำ55555


ซึ่งถ้าเจ้าของกระทู้ที่อยากเรียนแพทย์รับได้
เข้ามาสมัคร กสพท เลยค่ะ เรื่องสายไม่ใช่เรื่องใหญ่ค่ะ  ;)

...
น้ัองถามตัวเองดีๆเลยนะคะว่าอยากมาเรียนหมอเพราะอะไร...


เพิ่งเข้ามาเห็นกระทู้นี้แหละครับ
ตอนนี้ผมอยู่ ม.4 ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง (บอกไปคงไม่มีใครรู้จักหรอก เพราะโรงเรียนผมไม่ดังเลย) 55+

หลังจากอ่านจบแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าพี่ KET (ขอเรียกว่าพี่ละกันนะครับ...ไม่รู้ใช่พี่รึเปล่า? 555+) น่าจะเก่งมากเลยอ่ะครับ
เลยอยากขอคำแนะนำจากพี่ดูบ้าง เผื่อจะเอาไปปรับใช้กับตัวเอง
แบบประมาณว่า วันๆ นึงพี่ทำอะไรบ้างอ่ะครับ

ขอบคุณครับ


พี่ว่าอยู่โรงเรียนไหนมันก็ไม่สำคัญเท่าไหร่หรอกค่ะ ความพยายามและวินัยของเราน่าจะมีผลมากกว่า แต่ละคนก็มีวิธีต่างๆกันไปนะ

ส่วนเรื่องสายนั้น ก็ไม่รู้เหมือนกันนะคะ แต่คิดว่าถ้าสอบข้อเขียนเข้ามาได้ก็น่าจะไม่มีปัญหาอ่ะ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: เกตุ on September 05, 2009, 09:26:12 pm
เพิ่งเข้ามาเห็นกระทู้นี้แหละครับ
ตอนนี้ผมอยู่ ม.4 ณ โรงเรียนแห่งหนึ่ง (บอกไปคงไม่มีใครรู้จักหรอก เพราะโรงเรียนผมไม่ดังเลย) 55+

หลังจากอ่านจบแล้ว ผมมีความรู้สึกว่าพี่ KET (ขอเรียกว่าพี่ละกันนะครับ...ไม่รู้ใช่พี่รึเปล่า? 555+) น่าจะเก่งมากเลยอ่ะครับ
เลยอยากขอคำแนะนำจากพี่ดูบ้าง เผื่อจะเอาไปปรับใช้กับตัวเอง
แบบประมาณว่า วันๆ นึงพี่ทำอะไรบ้างอ่ะครับ

ขอบคุณครับ


น้องเอ้ยยยยยยยยย พี่ไม่เก่งหรอก
ม.4 เอง พี่เพิ่งจะเริ่มปิดเทอม ม.6 อนาถ

gedmedcu@live.com แอดมาได้น้ะจ้ะ อิอิ แจกเมลซะงั้น
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Baros™ 『バーロス』 on September 06, 2009, 12:50:45 am
ต้องลองถามตัวเองดูก่อนว่าอยากเป็นแพทย์เพราะอะไร อันนี้สำคัญมากๆ
สำหรับหนู! หนูจะทำด้านความงามค่ะ พวกศัลยกรรม สิว ฝ้า ผิวขาวอมชมพู อะไรอย่างนี้
เพราะว่าโดยส่วนตัว อยากสวย ค่ะ
แล้วก็อยากที่จะศึกษาร่างกายให้มากขึ้น
เพื่ออยากให้ตัวเองดูดีขึ้นค่ะ5555 แล้วก็อยากให้คำปรึกษา+รักษาด้วย
เพราะหนูเป็นคนหน้าใส+ไม่ได้ดัดฟันแต่ฟันเหมือนดัดมา เพื่อนก็ชอบถามว่าไปทำอะไรมา
หนูก็บอกๆ แล้วเพื่อนก็มาขอคำปรึกษาเพียบ หนูก็ชอบศึกษาเรื่องพวกนี้ ค้นคว้าข้อมูลมา
และก็อยากรู้วิธีการรักษาด้วย ผนวกกับชอบวีชาชีวะเพราะได้คะแนนเยอะสุด555
ก็เลยตัดสินใจอยากเรียนแพทย์ ส่วนเลือกสายก็คงเลือกอะไรที่เกี่ยวกับเสริมความงาม
ส่วนเรื่องเงิน+ชื่อเสียงหนูไม่ค่อยให้ค่าน้ำหนักมากเพราะถ้าอย่างนี้หนูไปเป็นนักแสดง+นักการเมืองดีกว่ามั้ย?
และหนูก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือด้วย ดึกแค่ไหนไม่เกี่ยง!!!!!!
โต้รุ่งเป็นประจำ55555



ความฝันเป็นสิ่งที่ดีครับ ;)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: THE ILLUSIONIST on September 06, 2009, 03:08:45 am
หนูเคยมางานจุฬาวิชาการแล้วดิ่งมาคณะแพทย์เลยค่ะ
แล้วก็ดิ่งมาที่ตรงนิติเวชอ่ะค่ะ ผ่าศพสดๆ เพิ่งเสียชีวิต 1 ชม.
ซึ่งถ้าเข้าห้องสด จะได้กลิ่นฟอร์มาลีน และผ่าให้เห็นจะๆ
บางคนก็ถึงกับอ้วกเลยแล้วเดินออกไปนอกห้อง
แต่สำหรับหนู คิดว่า... "ผ่าให้มันลึกๆ กว่านี้อีกได้มั้ยพี่!" 55555

ต้องลองถามตัวเองดูก่อนว่าอยากเป็นแพทย์เพราะอะไร อันนี้สำคัญมากๆ
สำหรับหนู! หนูจะทำด้านความงามค่ะ พวกศัลยกรรม สิว ฝ้า ผิวขาวอมชมพู อะไรอย่างนี้
เพราะว่าโดยส่วนตัว อยากสวย ค่ะ
แล้วก็อยากที่จะศึกษาร่างกายให้มากขึ้น
เพื่ออยากให้ตัวเองดูดีขึ้นค่ะ5555 แล้วก็อยากให้คำปรึกษา+รักษาด้วย
เพราะหนูเป็นคนหน้าใส+ไม่ได้ดัดฟันแต่ฟันเหมือนดัดมาเพื่อนก็ชอบถามว่าไปทำอะไรมา
หนูก็บอกๆ แล้วเพื่อนก็มาขอคำปรึกษาเพียบ หนูก็ชอบศึกษาเรื่องพวกนี้ ค้นคว้าข้อมูลมา
และก็อยากรู้วิธีการรักษาด้วย ผนวกกับชอบวีชาชีวะเพราะได้คะแนนเยอะสุด555
ก็เลยตัดสินใจอยากเรียนแพทย์ ส่วนเลือกสายก็คงเลือกอะไรที่เกี่ยวกับเสริมความงาม
ส่วนเรื่องเงิน+ชื่อเสียงหนูไม่ค่อยให้ค่าน้ำหนักมากเพราะถ้าอย่างนี้หนูไปเป็นนักแสดง+นักการเมืองดีกว่ามั้ย?
และหนูก็เป็นคนชอบอ่านหนังสือด้วย ดึกแค่ไหนไม่เกี่ยง!!!!!!
โต้รุ่งเป็นประจำ55555

ซึ่งถ้าเจ้าของกระทู้ที่อยากเรียนแพทย์รับได้
เข้ามาสมัคร กสพท เลยค่ะเรื่องสายไม่ใช่เรื่องใหญ่ค่ะ  ;)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: เกตุ on September 06, 2009, 03:22:14 pm
พวกพี่จะเน้นคำพูดหนูมากเกินไปรึเปล่า  ;)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: IPPUsama on September 06, 2009, 04:49:35 pm
พวกพี่จะเน้นคำพูดหนูมากเกินไปรึเปล่า  ;)
พวกพี่เน้นเพราะประโยคนั้นสำคัญมากครับ
ทั้งกับคนอื่นๆที่เข้ามาอ่าน และตัวน้องเกดเอง
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: exFictitiouZ on September 06, 2009, 05:19:47 pm
พอเรียนหนักก็จะเริ่มไม่ค่อยมีเวลาใส่ใจตัวเอง กลับถึงบ้านก็ดิ่งต่อถึงเตียงลูกเดียว อ่านหนังสือไป ๆ มา ๆ ก็หลับคาโต๊ะ
โลชั่น ครีมกันแดด โทนเนอร์ ฯลฯ สารพัดสารเพที่เคยใช้เมื่อก่อนก็จะเริ่มหมดขวดช้าลง หน้าตาก็จะใกล้เคียงแพนด้ามากขึ้น

นี่เป็นผลลัพธ์ของการเรียนคณะนี้ครับ เรื่องจริงด้วยนะ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: คนฝันเดียวกัน on September 06, 2009, 08:14:11 pm
ชีวิตเหมือนเราเลย  อยู่ ม.5 เหมือนกาน สายศิลป์ คำนวน แต่อยากเรียนหมอ 

ตัดสินใจเรียนม. 4ใหม่ ที่บ้านก็บอกว่าเรียนๆๆไปเหอะเรียนอะไรก็ได้ให้มันจบก็พอ

แอบเศร้าเล็กๆ แต่ที่บ้านเคยเปิดโอกาสให้เรียน ม. 4ใหม่ แต่ต้องเป็น ร.ร เตรียมอุดม กับ มหิดล เท่านั้น ถึงจะคุ้มกับเวลาที่เสียไป ไปสอบเตรียมแต่ไม่

ติดเลยอดเลย

เคยคิดเหมือนกันว่าจะไปเรียน กศน แต่ไม่รู้ว่าจะใช้สอบ แพทย์ได้หรือป่าว จะไปเรียนที่จีนก็กลัวว่าไม่มีคุณภาพ

Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: DanTrolene~* on September 06, 2009, 08:34:10 pm
ทำไม สำหรับคนที่มางานจุฬาวิชาการ หรือว่าเข้าค่าย หรือ ฯลฯ

สิ่งที่คาดหวังจะเห็นในคณะนี้มากสุด มักจะเป็น ผ่าศพ ล่ะเนี่ยะ - -*
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Baros™ 『バーロス』 on September 06, 2009, 08:35:44 pm
น่าสนใจที่สุดล่ะมั้งครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: lจ้าxญิงทoผ้า on September 06, 2009, 09:03:21 pm
ทำไม สำหรับคนที่มางานจุฬาวิชาการ หรือว่าเข้าค่าย หรือ ฯลฯ

สิ่งที่คาดหวังจะเห็นในคณะนี้มากสุด มักจะเป็น ผ่าศพ ล่ะเนี่ยะ - -*

เพราะคณะอื่นมันไม่มีนะสิ
ตอนงานจุฬาวิชาการก็มีคณะอื่นมาดูเยอะเหมือนกันนะ
เค้ามาถามเราด้วยว่าไม่กลัวเหรอค่ะ  :P
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: DanTrolene~* on September 06, 2009, 09:19:25 pm
[logged]
ผมว่ามันดูไม่ค่อยเคารพครูใหญ่ไงไม่รู้อ่ะ คนดูเหมือนเป็นของตั้งโชว์

ปล. ที่ปี 1 ไปดูเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์นะครับ ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครกล้าไปดูละล่ะ โดนไล่  :'(
ปล. ข้อความนี้ซ่อนจากบุคคลภายนอก

อยากให้คนนอกเคารพ ต้องเริ่มที่ตัวเองก่อนครับ
ถ้าเราแสดงความเคารพให้เห็นก่อน คนนอกก็จะทำตาม

ผมเชื่อเช่นนั้น[/logged]

อยากบอกว่า คณะแพทย์มีอะไรให้ดูมากกว่านั้นครับ ^_^
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: -:•:- 騎馬王丸 -:•:- on September 06, 2009, 09:36:16 pm
โอ๊ะ ลืม บอร์ดสาธารณะ  :'( ขอโทษคร้าบ  :-X
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Tom on September 07, 2009, 11:51:02 pm
คุณคนฝันเดียวกันครับ  ลองไปปรึกษาอาจารย์แนะแนวดูนะครับ
ท่านเคยแก้ปัญหาให้รุ่นพี่ๆพวกเรามามาก  มีประสบการณ์เยอะ
แล้วก็รู้ทางหนีทีไล่  ที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์กับเราที่สุด

ที่อาจารย์โทรถามให้  กสพท.ใช้วุฒิกสศน.สมัครสอบได้นะครับ
ในปีนี้  อันที่จริงวุฒิสายศิลป์อย่างเราๆ  ก็สมัครได้
แต่ไม่รู้ว่าจะมีปัญหาภายหลังหรือเปล่า 
เพราะอย่างที่หลายท่านบอกว่า  ไม่ได้มีกำหนดหน่วยกิตวิทย์คณิต
แค่สอบเข้าไปให้ได้ก็พอ  แต่ก็ยังมีบางท่านบอกว่ามีกำหนดหน่วยกิตวิทย์คณิตไว้
อันนี้ก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกันครับๆ  แต่ก็มีคนยืนยันว่ามี

สำหรับกศน. เขาบอกว่าต้องเรียนวิชาแล็ปเพิ่มเติมก็ใช้ได้อ่ะครับ
เรื่องไปเรียนแพทย์ต่างประเทศ  ดูฟิลิปปินส์ไว้เหมือนกันครับ
ไม่น่าจะดีกว่าจีนเหรอครับ อย่างน้อยก็ใช้ภาษาอังกฤษ
และนักเรียนไทยที่ไปเรียนแพทย์ต่างประเทศ  ส่วนใหญ่ก็ไปที่นั่นกัน
แต่ยังไงถึงต่างประเทศจะเข้าง่ายกว่า  แต่ผู้ใหญ่ท่านก็บอกว่า
เรียนที่บ้านเราน่าจะดีที่สุดน่ะครับ  ถึงจะยากลำบากบ้าง
แต่ก็ไม่ปิดกั้นโดยสิ้นเชิง  มันก็พอมีรูจะมุดเข้าไปได้อยู่
เสียเวลาบ้างก็ช่างหัวมัน  เรามารอดไปด้วยกันเถอะครับ

 ;D
   
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: เกตุ on September 08, 2009, 06:26:22 pm
<center><table style="width:90%;height:64px;padding: 10px; text-align: center; margin: 0 1ex 2ex 1ex;border: 2px dashed #cc5566"><tr><td>ข้อความบางส่วนได้ถูกสงวนไว้
คุณต้อง <a href="./index.php?action=login">เข้าสู่ระบบ[/url] เพื่อแสดงข้อความ</td></tr></table></center>

อยากบอกว่า คณะแพทย์มีอะไรให้ดูมากกว่านั้นครับ ^_^

ข้อความนั่น"ลับ"ขนาดนั้นเลยหรอพี่!
ต้องสอบติด 1 ใน 200 ให้ได้ อิอิ เพื่อจะได้เห็นข้อความนั้นโดยเฉพาะ ;D และอื่นๆ อีกมากมาย Wowww !!! ตื่นเต้นที่สุด > <
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: คนฝันเดียวกัน on September 22, 2009, 02:23:17 pm
ตอนนี้เริ่มท้อแล้ว

เพราะจะกลับไปเรียนใหม่ก็ไม่กล้าตัดสินใจ หรือ จะ ทนเรียน ศิล-คำนวนต่อไป ใจก็ไม่รัก

เบื่อออออออ  เกิดใหม่ทันไหมเนี่ย อิอิ


-------------------------

ไปป์ edit : ขอสรุปประเด็น คือ สายวิทย์ สายศิลป์คำนวณ สายศิลป์ภาษา ต่อคณะแพทย์ได้เหมือนกันทุกคน
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: เจ้่าของกระทู้ on September 22, 2009, 11:10:45 pm
อย่าเพิ่งท้อครับ  หุหุ
ชีวิตยังอีกยาวไกล  และเรายังมีโอกาส
ไม่ต้องย้ายสายหรอกครับ  อีกปีเดียวก็เรียนจบแล้ว
ค่อยไปเรียนเอาวุฒิกศน. ไปสอบทีหลังดีกว่า

ได้คุยกับอาจารย์หมวดวิทย์มา
ท่านพูดให้รู้สึกดีมากเลยครับ
ท่านคิดว่าความรู้ม.ปลายของสายวิทย์  เป็นพื้นฐานสำคัญ
ในการเรียนต่อคณะวิทยาศาสตร์ ก็จริง
แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เด็กที่ตัดสินใจเรียนสายศิลป์ไปแล้ว
จะไม่สามารถ  เรียนรู้สิ่งเหล่านั้นได้
ด้วยตนเอง เรียนพิเศษ  ท่านเปรียบเทียบแบบที่เราฟังแล้วคิด
ว่ามันง่ายขนาดนั้นเชียวหรอว๊ะ  เหมือนกับเด็กสายวิทย์
จะมาเรียนภาษาที่สามเพิ่ม ไปสอบเข้าคณะสายศิลป์
แต่สิ่งที่เราจะไม่มีก็คือทักษะในการทำแล็บ
แต่ถ้าเราจะสอบเข้าคณะแพทย์  ก็ต้องเรียนเอาวุฒิ กศน. ไปสอบ
เพราะสายศิลป์โครงสร้า่งหลักสูตร  วิทย์และคณิตไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด
และกศน. มีเปิดสอนวิชานี้ด้วย

อาจารย์บอกว่าที่เด็กสายวิทย์บ่นว่าเรียนยากๆ  ไม่จริงหรอก
เขาก็แค่โม้กันต้องลองไม่ลองไม่รู้  จนอาจารย์นั่งโต๊ะข้างๆ
บอกว่า  พี่ๆ พูดให้กำลังใจเด็กก็ดีหรอก
แต่ให้มันอยู่กับความเป็นจริงบ้าง มันเป็นไปไม่ได้หรอก
ที่จะไปสอบแพทย์ได้  ทักษะมันหมดตั้งแต่ไปเข้าศิลป์แล้ว


 ;D

ก็คงเป็นวิธีให้่กำลังใจในแบบของท่านนั่นเอง
แรงมากครับ  ฟังแล้วรู้สึกเหมือนได้กินเอ็มร้อยซัก 10 ขวด    
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: niemand on September 23, 2009, 05:36:13 pm
เด็กศิลป์ฝรั่งเศสเหรอจ๊ะ  น้องคงเคยได้ยินภาษิตที่ว่า impossible n'est pas francais ใช่ป่ะ  เด็กศิลป์ฝรั่งเศสอย่างเราไม่มีอะไรที่เราทำไม่ได้ 555+  เอ มันเกี่ยวกันตรงไหน ??? Napoleon แค่ต้องการจะบอกว่าคำว่า impossible ไม่ได้เป็นคำภาษาฝรั่งเศส แต่เราตีความไปเองว่าไม่มีอะไรที่ฝรั่งเศสทำไม่ได้  ทีแรกพี่เองก็ไม่รู้หรอกว่าสามารถเรียนต่อแพทย์แบบ new tract ได้  เพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้  รุ่นพี่ของพี่หลายคนก็เรียนต่อแพทย์  โดยจบป.ตรี เทคนิคการแพทย์ แล้วไปต่อแพทย์อีก 5 ปีมั้ง ที่มอไหนจำไม่ได้ 
พี่เองก็ไม่ได้เรียนแพทย์ จึงบอกอะไรน้องไม่ได้มาก  แต่พี่คิดว่าวิธีที่น้องจะเรียนกศน. หรือคิดจะกลับไปเรียนม.4 ใหม่สายวิทย์คณิตดูเหมือนจะเป็นไปได้ยาก  การเรียนต่อที่ฟิลิปปินส์พี่ก็เพิ่งรู้จากน้องนี่แหละ  แต่ดูเหมือนมันลำบากเหมือนกัน  แต่ก็อย่างว่า  ไม่มีอะไรได้มาง่าย ๆ
วิธีหนึ่งที่พี่มั่นใจว่าน้องจะทำได้คือการเรียนป.ตรี ในคณะทางสายวิทยาศาสตร์สุขภาพ  พี่ไม่แน่ใจว่าคณะแพทย์เค้ารับเด็กจบศิลป์มั้ย  แต่ถ้าเป็นเทคนิคการแพทย์ เภสัช หรือพยาบาล เค้ารับอยู่นะ  je t'assure comme moi je suis aussi une eleve de francais lol  พี่ก็เป็นเด็กศิลป์ฝรั่งเศสเหมือนกัน  ก่อนหน้าที่พี่จะสอบเข้าคณะเทคนิคการแพทย์ก็มีแต่คนบอกว่ามันเป็นไปไม่ได้  หน่วยกิตวิทย์กะคณิตก็ไม่พอ พื้นฐานก็ไม่มี voir meme pire alors... แต่พี่ก็รั้นขอลองหน่อยเหอะ สักครั้งในชีวิต  ไม่ได้ก็เรียนอักษร แต่ตอนท้ายพอสอบติด  พี่ก็มาเครียดกลัวจะสอบสัมภาษณ์ไม่ผ่าน  พออาจารย์ที่สอบสัมภาษณ์เห็นความตั้งใจและคะแนนที่เราสอบติดมาได้  ท่านกลับเห็นใจแล้วให้โอกาสเราได้เข้าเรียนในคณะนี้  พี่จึงคิดว่าน้องอาจทำตรงจุดนี้ได้อยู่  อาจารย์ในคณะบอกพี่ว่าสำคัญคือสอบผ่านเข้ามาได้  เราก็มีสิทธิ์ที่จะเรียนได้  แต่ทั้งนี้อาจขึ้นกับดุลยพินิจของแต่ละมหาวิทยาลัยมั้งคะ  พี่ไม่มั่นใจว่าที่มออื่นเค้าจะให้โอกาสเราเหมือนที่นี่หรือเปล่า  อีกทั้งพี่สอบเข้าด้วยระบบโควตา  ไม่ใช่ admission ด้วยมั้ง  แต่ถ้าน้องอยากแน่ใจว่าอ.จะรับเด็กศิลป์มั้ย ลองพยายามติดต่อ อ.ในคณะแพทย์ของมหาลัยที่น้องอยากเข้าเพื่อถามให้แน่ใจก่อนเลือกก็น่าจะดี  หรือจะเสี่ยงอย่างพี่ก็ลองดูก็ได้ 
อย่างไรก็ตามปัญหาในด้านการเรียน  ก็แค่ช่วงปี 1 เท่านั้น  เพราะเราเรียนพื้นฐานม.ปลาย  ปรับตัวหนักอยู่  แต่พอปี2ปี3 ก็ตามทันเพื่อน ๆ ล่ะ  เพราะความรู้วิชาชีพทุกคนเริ่มต้นพร้อมกันหมด ถ้าน้องคิดว่าจะเรียนป.ตรี ด้านศิลป์ที่เราเรียนมา  แล้วเรียนวิทยาที่รามฯ  แล้ววิชาที่เป็น lab ล่ะ น้องได้เข้าเรียนหรือเปล่า  พี่เองก็เสียดายภาษาฝรั่งเศสที่เรียนมาเหมือนกัน  พี่จึงเรียนคณะมนุษย์ที่รามด้วย  ก็เท่ากับว่า 3 ปีที่ผ่านมากับการเรียนศิลป์ไม่ได้สูญเปล่าเลย  น้องยังมีโอกาสมากกว่าหลายคนในการสอบชิงทุนด้วยนะ   ::) 
พี่เข้าใจว่าตอนนี้น้องอาจจะมีความรู้สึกท้อ เครียด กลัวไม่ได้ในสิ่งที่หวัง  พี่ผ่านตรงนั้นมาแล้ว  พี่คิดเปลี่ยนใจจากอักษรศาสตร์ มาเรียนเทคนิคฯก็ตอนปิดเทอม ม.5 จะขึ้น ม.6  ในเวลาไม่ถึง 1 ปีนี้ถ้าอ่านเก็บไปเรื่อย ๆ ในวิชาของสายวิทย์ที่เราสนใจ  พี่ว่าน้องทำได้  บางวิชาอย่างคณิตกับฟิสิกส์ที่พี่ idiot มากพี่ก็ทิ้งเลยเพราะมันอ่านไม่ทัน  แต่เอา chimie กับ bio ให้ได้เยอะ ๆ หน่อย  บอกกับคะแนน Eng พี่ว่าติดอยู่แล้ว  ไม่ต้องเรียนพิเศษก็ได้ เหนื่อย เปลืองตัง เสียเวลา เดี๋ยวไม่ทัน je pense. 
Enfin avant de te laisser, j'aimerais te dire que "vouloir c'est pouvoir"!!  Pour l'instant, il n'y a que de faire tes meilleures mais au cas ou. 
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on September 23, 2009, 05:58:05 pm
เรื่องที่ว่า สายศิลป์ เรียนต่อแพทย์ ได้มั้ย
กำลังสอบถามจากผู้รู้ให้อยู่นะครับ
เพราะ ไม่มั่นใจว่าจะสมัครได้มั้ย หรือถ้าสมัครได้ สอบได้ คณะจะรับมั้ย

แล้วถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะมาแจ้งอีกครั้งหนึ่งครับ

หรือถ้าไม่งั้นสอบถามที่หน่วยวิชาการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โดยตรงครับ
0-2256-4454, 0-2256-4478
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: 48 on September 23, 2009, 06:24:59 pm
เรื่องที่ว่า สายศิลป์ เรียนต่อแพทย์ ได้มั้ย
กำลังสอบถามจากผู้รู้ให้อยู่นะครับ
เพราะ ไม่มั่นใจว่าจะสมัครได้มั้ย หรือถ้าสมัครได้ สอบได้ คณะจะรับมั้ย

แล้วถ้ามีความคืบหน้าอย่างไรจะมาแจ้งอีกครั้งหนึ่งครับ

หรือถ้าไม่งั้นสอบถามที่หน่วยวิชาการ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ โดยตรงครับ
0-2256-4454, 0-2256-4478

สอบถามให้แล้วครับ ไม่มีข้อห้ามครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: เจ้าของกระทู้ on September 24, 2009, 12:16:28 am
นี่เองครับ  ที่ทำให้รู้สึกว่าอย่างน้อยก็ไม่คิดผิด  ที่เรียนสายนี้
สายฝรั่งเศสเราอบอุ่นมากๆ  แม้กระทั่งสายศิลป์ฝรั่งเศสคนละโรงเรียน
ถ้าบังเอิญได้เจอกัน  แล้วรู้ว่าเรียนสายเดียวกัน  ก็จะรักและสนิทกันทันที
มีอันได้ติดต่อเป็นเพื่อนกันต่อไปทุกคนไป

 ;D

สังเกตว่าแม้แต่อาจารย์ของพวกเรา  ท่านแทบจะรู้จักอาจารย์ที่สอนภาษาฝรั่งเศสด้วยกัน
ทั่วทั้งภูมิภาคที่ ร.ร.ตั้งอยู่ทีเดียว  แล้วบรรดาอาจารย์ท่านก็มีเครือข่ายที่เหนียวแน่นมาก

และคงด้วยสายใยนั้นเองที่ชักนำให้พี่เมตตาให้คำแนะนำอันมีค่านี้แก่น้อง
แต่จะว่าไปจริงๆแล้ว  คณะวิทยาศาสตร์สายสุขภาพๆอื่น
ไม่รู้สึกสนใจจะเรียนเลยอ่ะครับ  ไม่ว่า พยาบาล,เภสัช,เทคนิกการแพทย์ ฯลฯ
ที่สำคัญ new tract  ซึ่งมีเปิดอยู่เพียงสถาบันในปัจจุบัน  แห่งหนึ่งดูเหมือนมีข้อแม้
ว่าต้องรับราชการในกระทรวงสาธารณสุขมาก่อนไม่น้อยกว่าสองปีอ่ะครับ
อีกแห่งให้บุคคลทั่วไปสอบได้  แต่ถ้าหากมีข้าราชการสอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนด
เขาก็จะรับข้าราชการก่อน  แม้ว่าเราจะได้คะแนนสูงกว่าก็ตาม

ทำให้ผมมองว่ามันยากทีเดียวเลยครับ  เพราะไม่อยากจะทนเรียน
ในคณะที่ไม่ได้อยากเรียนถึงสี่ปี  เพื่อที่จะใช้เป็นทางผ่าน
แล้วยังต้องไปทนรับราชการในหน้าที่ซึ่งเราไม่ได้คิดฝันจะทำอีกสองปี
เพื่อเป็นทางผ่าน  ดูเหมือนหนทางมันช่างยาวไกลเหลือเกินครับ

สำหรับที่สนใจทางเลือก กศน. เป็นพิเศษ  เพราะเคยมีนักเรียน กศน. เรียนแพทย์จบมาได้
ก็แล้วเราได้ผ่านวิทย์คณิตพื้นฐานมาทั้งม.ปลายสายศิลป์
และที่ไปเรียนกศน.อีก  ย่อมไม่โชกโชนกว่าอีกหรือครับ
อีกอย่างยังไม่เคยพบเลยว่ามีเด็กจบสายศิลป์สอบเข้าหรือมีใครเคยเรียนแพทย์ได้เลยครับ
อีกทั้งเป็นหนทางที่พบว่าเคยมีผู้ตัดสินใจเดินมามากแล้ว
ในการไปเรียนเอาวุฒิกศน. เพิ่ม  หลังเรียนจบม.6
แต่ยังไม่อาจสืบทราบได้ว่า  นำเขาเหล่านั้นไปสู่ความสำเร็จหรือไม่

 ;D
  
สำหรับที่ความคิดที่อยากจะเรียนมนุษย์ศาสตร์ก่อน  พร้อมเรียนกศน.ไปด้วย
นอกจากเสียดายฝรั่งเศสที่อุตส่าห์เรียนมา  และสนใจที่อยากจะเรียนต่อด้านนี้เพิ่มเติมแล้ว
เป็นเพราะไม่ว่าคณะแพทย์จะรับเด็กศิลป์หรือไม่ก็ตาม  คงไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่
แต่ปัญหาคือตัวเราเองคงไม่อาจสั่งสมความรู้วิทยาศาสตร์  คณิตศาสตร์ได้เพียงพอ
ที่จะสอบเข้าเรียนแพทย์แข่งกับคนอื่นๆได้  ภายในชั่วระยะเวลาหนึ่งปีที่เหลืออ่ะครับ
เลยคิดว่าค่อยเก็บๆ  ไประหว่างเรียนปริญญาตรี  แบบสบายๆ
แล้วไปสอบเข้าเรียนใหม่อีกรอบเอาดีไหม

พูดอย่างนี้ก็มีคนบอกว่า  ถ้าชอบภาษาจะไปเรียนแพทย์ได้ยังไง
มันคนละเรื่องกัน พวกนี้มันมีจินตนาการสูง  5555+

ก็ตลกมากเลยอ่ะครับ  ถ้าเป็นศิลปกรรมศาสตร์ก็ว่าไปอย่าง
มนุษย์ศาสตร์ไม่ได้สอนให้เราผลิตงานศิลปะ  ให้ไปเป็นศิลปินหรือกวีซักหน่อย
จะมีความเกี่ยวข้องบางก็แค่  เขาสอนวรรณคดีซึ่งมีฐานะเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง
แต่วรรณคดีก็มีเนื้อหาลุ่มลึกหลากมิติ  ยิ่งกว่างานศิลปะอื่นๆ
เรียงความทางวิทยาศาสตร์สมัยโบราณ  ที่มีสำนวนภาษาไพเราะ
ยังเอามาสอนในฐานะเป็นวรรณคดีเลย  และหากจะเทียบกับงานศิลปะอื่น
ที่ใช้อารมณ์ในการสร้างสรรค์และเข้าถึง  วรรณคดีกลับเป็นศิลปะ
ที่ต้องใช้ปัญญาในการสร้างสรรค์และเข้าถึงมากที่สุด เช่นวรรณกรรมเชิงปรัชญาฝรั่งเศสของเรา
555+ แต่ก็คงไม่ถึงกับที่อาจารย์สอนภาษาอังกฤษบางท่าน
บอกว่าการอ่านกวีนิพนธ์  ก็ฝึกฝนสมองไม่ต่างจาการเรียนคณิตศาสตร์
เพราะมองยังไงๆ มันก็คนละเรื่องกันอยู่ดี

เอาเข้าจริงๆแล้ว กวีที่มีชื่อของตะวันตกหลายประเทศในสมัยก่อน
ที่เป็นแพทย์กันก็ยังมี  แม้ในปัจจุบันก็ย่อมต้องมีแพทย์ที่มีความสนใจส่วนตัว
ในขอบเขตของมนุษยศาสตร์  เช่น ปรัชญา ประวัติศาสตร์ วรรณคดี ฯลฯ อยู่แน่นอน
องค์อุปถัมภ์การศึกษาภาษาฝรั่งเศสในประเทศไทย  
พระองค์ท่านก็ทรงมีคุณวุฒิทางการศึกษาเป็นปริญญาตรีวิชาเคมี  
แต่ได้ทรงงานเป็นพระอาจารย์สอนวิชาภาษาและวรรณคดีฝรั่งเศสในระดับอุดมศึกษามายาวนาน
ส่วนพระบิดาแห่งการแพทย์แผนปัจจุบันของไทย ก็เคยทรงศึกษาด้านการทหารเรือ
มาก่อนที่จะได้ทรงศึกษาวิชาแพทย์ในภายหลัง

คือที่พูดมายาวยืด  แค่อยากจะบอกว่า
ทำไมการเรียนข้ามสายมันจะเป็นไปไม่ได้อ่ะครับ

ที่สำคัญพี่ niemand ก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้ว
และพี่ก็เป็นไอดอลของผมเลยครับ  หุหุ
ไม่ใช่แค่ได้ทำสิ่งที่ทำได้โดยยาก  ในการเรียนข้ามสาย
แต่รวมถึงการตัดใจจากคณะอักษรศาสตร์ด้วย
เข้าใจเลยครับ  ว่ามันเป็นฝันของเด็กศิลป์ทุกคน
"แต่พี่ก็รั้นขอลองหน่อยเหอะ สักครั้งในชีวิต"
อารมณ์นี้เลยครับ  555+

ตอนนี้ก็กำลังสับสนในชีวิตครับ
ว่าจะเอายังไงกลับชีวิตน้อยๆ ของตัวเองดี
จะทุ่มเทอ่านฝรั่งเศสและอังกฤษต่อไป
ด้วยอุดมการณ์ที่จะเรียนในคณะมนุษยศาสตร์  
สักครั้งหนึ่งในชีวิต  เพื่อที่จะได้เป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ 555+

หรือจะทิ้งวิชาเหล่านั้นไปเลย  และเริ่มต้นทุ่มเทเพียง
กับเคมี  ชีวะ  ฟิสิกส์  และคณิตศาสตร์  เพื่อมุ่งมั่นจะเข้าคณะแพทย์ศาสตร์อย่างเดียว

ข้อสงสัยที่ว่า "สมัครได้มั้ย หรือถ้าสมัครได้ สอบได้ คณะจะรับมั้ย"
มีประโยชน์มหาศาลในการตัดสินใจ  จึงขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่าน
ที่ได้สู้อุตส่าห์สอบถาม และกำลังสอบถามให้ครับ

คิดว่าไอ้ที่มันเป็นไปไม่ได้  จะกลายเป็นไปได้
ก็ด้วยกำลังใจและความช่วยเหลือของพี่ๆ นี่เองครับ
จากตอนแรกที่เข้ามาตั้งกระทู้  เต็มไปด้วยความสงสัยและไม่มั่นใจ
ถึงตอนนี้เปลี่ยนความคิดไปเยอะทีเดียว  
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on September 24, 2009, 12:23:09 am

ข้อสงสัยที่ว่า "สมัครได้มั้ย หรือถ้าสมัครได้ สอบได้ คณะจะรับมั้ย"
มีประโยชน์มหาศาลในการตัดสินใจ  จึงขอบพระคุณพี่ๆ ทุกท่าน
ที่ได้สู้อุตส่าห์สอบถาม และกำลังสอบถามให้ครับ


สำหรับข้อสงสัยอันนี้ เรพ 34 ตอบให้แล้วนะครับ

ปล. ที่โพสมาค่อนข้างยาว ไว้มีเวลาจะกลับมาอ่านเต็มๆอีกที เมื่อกี้อ่านผ่านๆ น่าสนใจทีเดียวครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: niemand on September 24, 2009, 01:33:43 pm
จาก rep 34 น้องก็คงมั่นใจได้แล้วว่าการสอบเข้าเรียนแพทย์สำหรับเด็กศิลป์ภาษานั้นเป็นไปได้แน่นอน  นั่นคือถ้าสอบติด สัมภาษณ์ผ่าน (ไม่มีปัญหาทางจิต หรือไม่มีความผิดปกติใด ๆ ที่อยู่ในเงื่อนไขของคณะ)  น้องก็เข้าเรียนได้  ฉะนั้นไม่มีคำว่าเรียนข้ามสายเป็นตัวปัญหาแล้วล่ะ  อืม...จริงอยู่ว่าในช่วงปีแรกนั้นน้องต้องทำงานอย่างหนักเพื่อให้ตามทันสิ่งที่อาจารย์สอน  แต่พี่เชื่อว่านั่นคงไม่เป็นปัญหา  เหลือให้คิดแต่ว่าน้องจะเลือกทางเลือกไหน  แน่นอนว่าต้องเลือก best choice แต่ best choice ของน้องไม่มีผิดมีถูก  ขึ้นกับตัวน้อง  แต่น้องต้องมั่นใจในเส้นทางที่น้องเลือกเดิน  มีหลายทางที่จะพาน้องไปจุดนั้น  พี่เชื่อว่าน้องจะเลือกทางของน้องเองได้  ปัญหานี้ยากตรงที่ความไม่มั่นใจของน้องเองว่าถ้าเราไปเส้นทางนั้นแล้ว  เราจะไปถึงจุดนั้น exactement (แล้วมันจุดไหน  งงมั้ย?) 8)  ลอง list ข้อดีข้อเสียของแต่ละวิธีดูสิ 
อันที่จริงพี่เองก็สงสัยในความต้องการที่จะเป็นเรียนแพทย์ของน้องอยู่เหมือนกัน  แต่น้องไม่จำเป็นต้องตอบนะ  พี่อยากรู้ว่าน้องอยากเรียนแพทย์ หรือต้องการจะเป็นแพทย์?  อะไรทำให้น้องสนใจวิชาชีพแพทย์?  และน้องได้ศึกษามาบ้างหรือยังว่าการเรียนแพทย์ต้องเรียนอะไรบ้าง? 
ในเวลานี้ความสับสน ลังเลของน้องอาจหมดไป  ถ้าน้องตอบคำถามให้ตัวเองได้ว่า  จริงแล้ว ๆ น้องต้องการสิ่งใด  บางทีน้องอาจต้องการหลาย ๆ อย่างในชีวิต  ทั้งทางศิลป์น้องก็รัก  ทางวิทย์น้องก็ชอบ  (พี่ก็เป็น แต่พี่มั่นใจว่าพี่ไม่ถึงขั้นน้อง อิอิ  เอาว่าพี่ไม่ค่อยสนใจ litteraire หรืออะไรอย่างอื่นในทางศิลป์นอกจากโครงสร้างและไวยากรณ์ของภาษา ซึ่งมันก็เหมือนกับการเข้าใจนิยามในทางคณิตศาสตร์)  แต่ในช่วงเวลาหนึ่งที่เราคิดว่าเราจะเอาทั้งสองอย่างไปพร้อม ๆ กัน  เราอาจรู้สึกว่า "มันหนักเกินไป"  ทำให้เราเหนื่อย  เหนื่อยแล้วก็ท้อ  ท้อแล้วก็สิ้นหวัง  สิ่งหนึ่งที่จะทำให้ความหวังไม่ละทิ้งเราคือ เป้าหมายที่เราน่าจะมองเห็นเป็นรูปธรรม
D'apres moi, ที่อาจารย์อังกฤษบอกน้องว่า "การอ่านกวีนิพนธ์  ก็ฝึกฝนสมองไม่ต่างจากการเรียนคณิตศาสตร์" มองเผิน ๆ มันก็คนละเรื่องจริง ๆ พี่เห็นด้วย  มันเหมือนกันตรงที่ต้องได้ใช้สมองคิดวิเคราะห์อย่างหนักเท่านั้นมั้ง  แต่ใช้สมองคนละส่วนกันหรือเปล่าไม่แน่ใจ  การอ่านกวีนิพนธ์ดูจะยากกว่าสำหรับพี่  เพราะมองไม่เห็นกรอบเหมือนคณิตศาสตร์ อาศัยจินตนาการที่แน่นอนว่าทุกคนมีต่างกัน แต่การเรียนคณิตศาสตร์สุดท้ายแล้วทุกคนก็ต้องได้คำตอบที่ตรงกัน มองเห็นมันเหมือนกัน มันตายตัวกว่า  แล้วน้องชอบอะไรมากกว่าล่ะ  ระหว่างสองอย่างนี้  (ไม่เกี่ยวกับประเด็นที่เราคุยกันเลยเนอะ)
Bon revenons a nos moutons ;D  สำหรับพี่  พี่คิดว่าพี่ผ่านจุดที่น้องเผชิญอยู่มาได้เพราะพี่รู้ว่าพี่ต้องการอะไร  และพี่ชอบอะไร  บางครั้งความชอบกับความต้องการเราอาจไปคนละเรื่องกัน  เราเลยงงงวยกับชีวิต ไม่รู้จะเลือกเส้นทางไหน  สำหรับพี่แล้ว  พี่เลือกเรียนสิ่งที่พี่ชอบมาก่อน  พี่ชอบภาษามากที่สุด โดยที่ไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงชอบ  พี่เลือกเรียนศิลป์ฝรั่งเศส (แต่ไม่ได้ชอบภาษาฝรั่งเศสเลย ชอบอีกภาษาหนึ่งแต่มันไม่มีให้เลือก จึงคิดไปเรียนในมหาลัยเอา)  มีช่วงหนึ่งในชีวิตของการเป็นนักเรียนม.ปลาย พี่ไม่รู้ว่าตัวเองเรียนภาษาไปทำไม (จบมาจะทำงานอะไร มันมีให้เลือกทำเยอะนะ  แต่ไม่ได้อยากจะทำเลย คิดอย่างเดียว ไปเป็นครูสอนภาษาก็ได้) แต่รู้อยู่อย่างว่าสิ่งที่ตัวเองต้องการทำและสนใจคือ ข้อสงสัยเกี่ยวกับการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ  ทีแรกก็มุ่งสนใจแต่เรื่องโรคมะเร็ง  เพราะเกิดกับคนรอบข้องเรา  แต่พออ่านไปอ่านมาก็อยากจะเรียนให้รู้ลึกกว่านี้ และเห็นคนป่วยหลายโรคที่ไม่รู้ว่าจะรักษายังไง ทั้งเพื่อนที่เป็น SLE และอีกหลายอย่างมันทำให้พี่อยากศึกษาเรื่องเหล่านี้ พี่คิดว่าก่อนที่เราจะหาทางรักษาโรคเหล่านี้ได้  เราน่าจะต้องรู้ก่อนว่าอะไรทำให้มันเกิดขึ้น มันทำพี่เกิดความคิดว่าอยากทำงานที่เกี่ยวกับการค้นคว้าในด้านนี้  ไม่ได้เน้นไปทางการรักษาแต่เน้นไปที่สาเหตุและแนวทางการวินิจฉัย  พี่จึงหาดูว่ามีคณะอะไร หรือสาขาไหนที่จะทำให้พี่รู้เรื่องพวกนี้หรือเข้าไปทำงานตรงจุดนี้ได้ 
ตอนนี้พี่เรียนเทคนิคการแพทย์  ในปีแรกที่พี่เข้าเรียนพี่สับสนอยู่นะ  กลัวว่าจะเรียนไม่ไหว  ยอมรับว่าคะแนน super mal แต่ก็นั่นแหละ  คะแนนห่วยแตกไม่ใช่เรื่องใหญ่  พี่ชินแล้วเพราะตอนม.ปลายเรียนศิลป์ก็คะแนนยังงี้แหละ  เป็นพวกรักษาระดับ คงเส้นคงวาน่ะ  :D  สิ่งที่ทำให้พี่ enjoy ที่สุดคือพี่ได้เรียนและได้รู้สิ่งที่ตัวเองอยากรู้ 
ที่น้องบอกว่าไม่ได้สนใจจะเรียนคณะวิทย์สุขภาพอื่น ๆ ไม่อยากทนเรียนเพื่อใช้เป็นทางผ่าน  พี่เข้าใจนะ  แต่ถ้าพี่เป็นน้องที่อยากเรียนแพทย์เพื่อจะเป็นแพทย์  พี่ยอมเลือกทางผ่านนี้แม้ว่ามันจะเสียเวลาอีก 4 ปี ก็ตาม  เพราะความรู้ในวิทยาศาสตร์สุขภาพเหล่านี้มันเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันหมด และความรู้ในแต่ละวิชาชีพทางด้านนี้ยังสนับสนุนซึ่งกันและกันในการทำให้ผู้คนมีสุขภาพชีวิตที่ดี  ใครจะรู้แนวทางปฏิบัติต่อผู้ป่วย เข้าถึงปัญหาต่าง ๆ ของผู้ป่วยได้ดีเท่าผู้ที่เรียนพยาบาลมา ใครจะรู้วิธีการและสามารถคิดค้นยารักษาโรค และให้คำแนะนำในการใช้ยาได้ดีเท่าเภสัช  หรือแพทย์จะรู้แนวการรักษาได้อย่างไรถ้าไม่มีนักเทคนิคการแพทย์ช่วยในการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อช่วยในการวินิจฉัย  ทุกวิชาชีพต้องพูดคุยกันในเรื่องเดียวกัน  ดังนั้นพวกเขาต้องเรียนอะไรที่เหมือนกัน  แต่เน้นไปคนละจุดที่ตนต้องรับผิดชอบ  น้องอาจมองเห็นภาพตรงจุดนี้ไม่ชัดเจน  เพราะในบ้านเรา บทบาทหนักจะอยู่ที่แพทย์  ทุกคนมองว่าแพทย์คือผู้ที่ช่วยชีวิต  แต่พอพี่เข้ามาตรงจุดนี้แล้ว  พี่มองเห็นว่าทั้งแพทย์และบุคคลากรในโรงพยาบาลอื่น ๆ เป็นผู้ช่วยชีวิตทั้งหมด  รวมทั้งผู้ช่วยพยาบาล คนเข็นเปล และอีกหลายคน  หากแต่ว่าแต่ละคนมีบทบาทหน้าที่ต่างกัน 
ภาษาฝรั่งเศสที่เรียนมา ไม่มีอะไรต้องเสียดายเลยหากน้องพยายามทำให้ตัวเองอยู่ในภาวะที่ว่า "il me faut parler francais pour qu'on me comprenne", tu vois un peu pres? น้องจะไม่ลืมหากใช้บ่อย ๆ  และเก็บเกี่ยวใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยการหาเพื่อนฝรั่งคุยด้วยทางไหน วิธีไหนก็ได้  คุยกับพี่ก็ได้นะ ถ้าอยากได้ฝรั่งเศสแบบไทย ๆ  ;D  เว้นเสียแต่ว่าน้องต้องการเรียนภาษาถึงรากเหง้า  เข้าลึกถึงวรรณคดี ถ้าเป็นยังงั้นน้องก็คิดไม่ผิดที่จะเรียนมนุษย์ศาสตร์  แต่พี่ขอเตือนอะไรอย่างนะจ๊ะ  เด็กมะนุดน่ะ งานเยอะสุดๆ ต้องเขียนนั่นเขียนนี่ ทำรายงานเป็น routine เลยล่ะ อ่านหนังสือหนักเหมือนกันเพื่อนทำข้อสอบซึ่งส่วนใหญ่ต้องรู้เรื่องถึงเขียนคำตอบที่ต้องบรรยายเป็นหน้า ๆ ได้  แถมถ้าเรียนในมหาลัยรัฐอย่าคิดโดดไปทำอย่างอื่น ต้องเข้าเรียน (เหมือนคณะทางวิทย์แหละ)  ที่ว่าจะได้มีเวลาเก็บสะสมความรู้ทางวิทย์คณิตน่ะ ดูแล้วพี่ว่ามันเป็นไปได้ยากเหมือนกันนา  น้องอาจต้องทำงาน 24/24 h ก็ได้ซึ่งนั่นมันเป็นการ์ตูนอีกนั่นแหละ พอจบ 4 ปีน้องอาจค้นพบว่า "นี่แหละสิ่งที่ผมชอบ การเรียนคณะมนุษย์ทำให้ผมค้นพบอะไรหลายอย่าง" และมันอาจทำให้น้องลืมไปว่า  ครั้งหนึ่งตนเองเคยคิดอยากเรียนแพทย์  ความหมายของพี่คือการเรียนในคณะนี้อาจทำให้น้องไม่มีเวลาไปนั่งจับจดกับการเตรียมตัวเพื่อสอบเข้าเรียนแพทย์เลย 
ในหนึ่งปีนี้มันอาจเป็นช่วงระยะเวลาสั้น ๆ  แต่ถ้าน้องมุ่งมั่นจะเข้าคณะแพทย์จริง ๆ ไม่ว่าจะเพื่อสิ่งใดก็ตาม  พี่ขอยืนยันว่าน้องทำได้แน่นอน  อาศัยแค่ความมีใจรักในสิ่งที่น้องกำลังจะเรียน ชอบ ขยันและจดจ่อจริงจัง (แต่อย่าเครียดนะ) กับสิ่งที่เราอ่าน (พื้นฐานวิทยาศาสตร์ม.ปลาย ไม่ต้องเน้นฟิสิกส์มากก็ได้เพราะไม่ค่อยได้ใช้เท่าไหร่ (มั้ง? พี่คิดว่านะ น้องต้องถามคนที่เรียนแพทย์ว่าเค้าเน้นอะไร)) เอ้อ แต่ถ้าน้องถนัดฟิสิกส์ คณิต ฯลฯ ก็อ่านเก็บไปเลย เอาให้แม่นไปเลยก็ได้เพื่อช่วยให้ตัวเองสอบเข้าไปได้ก่อน  ติดแล้วค่อยมาเก็บวิชาพื้นฐานอื่น ๆ ทีหลังก็ได้ 
สำหรับวิชาที่เราต้องเรียนในชั้นเรียนอย่างฝรั่งเศส หรืออังกฤษ สังคมอื่น ๆ ไม่ต้องสนใจอ่านมันมากก็ได้  มุ่งเอาข้อสอบเก่ามาหัดทำไปเลย ทำคะแนน Eng สังคม ไทย ให้ได้สูง ๆ แทน ก็อาจช่วยได้  แต่พี่ก็ไม่แน่ใจว่า.. เอาเป็นว่าน้องต้องถามพี่ ๆคนอื่นว่าระบบเค้าคิดคะแนนกันยังไง  วิชาไหนเก็บเปอร์เซ็นต์มากกว่าเพื่อจะสอบเข้าเรียนแพทย์  เพื่อว่าน้องจะได้วางแผนการอ่านได้ถูก และรู้ว่าจะให้ความสำคัญกับตัวไหนมากเป็นพิเศษ  แต่ยังไงโดยหลัก ๆ แล้วการอ่านเก็บวิชาที่เราชอบและมั่นใจว่าจะทำได้ดีก่อนน่าจะช่วยได้เยอะนะ ไอ้ที่อ่านไม่ทันก็ไปมั่วเอาเหอะ No way out อ่านะ :-\
ลองดูวิธีนี้ก่อนก็น่าจะดีนะ  การบ้าน หรือบางวิชาในโรงเรียนน่ะ ไม่ต้องส่ง หรือไปสนใจมากก็ได้ (ดูเหมือนแนะนำไปในทางที่ไม่ดี แต่พี่ทำประจำตั้งแต่ ม.4 อิอิ พี่อาการหนักถึงขั้นโดดเรียนไปอ่านหนังสือในห้องสมุด  มันไม่ดีในทางวินัย แต่บางทีเราอาจต้องออกนอกกรอบบ้างอ่ะนะ สำคัญที่วัตถุประสงค์การโดดเรียนเราทำเพื่ออนาคตของเรา แต่ทางที่ดีพยายามอย่าโดด เดี๋ยวโดนจับได้ล่ะแย่เลย) พี่ว่าน้องทำได้  แต่ก็แน่นอนว่า เราอาจพลาด เพราะมันก็ไม่ใช่ง่าย ๆ เลย พี่เข้าใจ  น้องยังมีอีกหลายทางเลือกอย่างที่พี่บอก 
เหมือนพี่เคยได้ยินว่า มี ม.เอกชน ที่เปิดคณะแพทย์ด้วย  ใช่มั้ย? ถ้ามีเงินหน่อย น้องจะเข้าไปสมัครได้หรือเปล่า?   (ใครรู้บอกน้องเค้าทีนะคะ)
เอ้อ แล้วที่บอกว่าไม่มีข้อห้ามเด็กสายศิลป์เรียนแพทย์นี่  หมายถึงจุฬาที่เดียวหรือเปล่าคะ?  คิดว่าถ้าน้องสอบเข้าแพทย์ที่จุฬาฯ การแข่งขันจะสูงกว่าที่อื่น อยากแนะนำให้ดูคณะแพทย์ของมหาลัยอื่น ๆ ไว้ด้วยน่าจะดี 



Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: เจ้่าของกระทู้ on September 24, 2009, 09:59:38 pm
หุหุ  น่าจะเป็นความอยากเรียนมากกว่านะครับ
ตอบยากเหมือนกันครับ  จะลองพยายามไล่เรียงดู

เริ่มต้นเด็กๆ ก็ฝันอยากจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ก่อน
พอโตขึ้นมาหน่อย  ก็ไม่รู้สึกตัวว่ากลายเป็นชอบวรรณคดีตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ
แรกๆ  ก็ชอบอ่านวรรณคดีไทยก่อน  ต่อมาก็ได้ดูรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง
ซึ่งสัมภาษณ์  ศ.คุณหญิงจินตนา  ยศสุนทร  ท่านเป็นอาจารย์ภาษาฝรั่งเศส
รู้สึกชื่นชมในความเก่งของท่าน  ท่านดูเป็นผู้คงแก่เรียน
และประทับใจในสิ่งที่ท่านพูดเกี่ยวกับการเรียนมนุษยศาสตร์
เลยหาหนังสือท่านมาอ่าน  ชื่อประวัติวรรณคดีฝรั่งเศส
ทำให้ได้เปิดโลกทัศน์  ได้รู้จักประวัติวรรณคดีของตะวันตก
และได้สัมผัสกับตัวบทซึ่งเป็นตัวอย่าง  และคำแปล  ในหนังสือนั้น
ก็มีความตั้งใจว่าอยากจะเรียนคณะมนุษยศาสตร์ขึ้นมา 
เพื่อที่จะได้ศึกษาวรรณคดีให้ลึกซึ้งขึ้น  และจะได้สัมผัส
วรรณคดีของชาตินั้นๆ  ในรูปแบบเต็มๆ
นั่นเองครับทำให้เลือกเรียนสายศิลป์ภาษาฝรั่งเศส
แต่คณิตและวิทย์ก็ยังคงเป็นวิชาที่สนใจ

และก็น่าแปลก  ที่มักจะถูกมองโดยคนอื่นเสมอ  ว่าหน้าตาอย่างนี้
มันคงจะเป็นหมอต่อไปในอนาคต
เช่นอาแป๊ะร้านชำ  ที่ร้านหน้าโรงเรียน
แกรู้ว่าเราเรียนสายศิลป์  ไปซื้อของทีไรก็จะถูกบ่นอยู่เสมอ
ว่าลือเป็นเจ๊กต้องเป็นหมอ  ไปเรียนสายศิลป์ทำไม ฯลฯ
5555+  งงว่าแกจะมาเดือนร้อนอะไรกับเรื่องของเรา  ไม่เท่าไหร่
แต่ตลกที่จริงๆ  แล้วเราไม่ได้มีเชื่อจีนสักนิดเลยต่างหากครับพี่

 ;D

ครั้งนึงไปหาหมอใน ร.พ. ของคณะแพทย์ศาสตร์แห่งหนึ่ง
พอเข้าไปตรวจ  ถูกถามเราก็ตอบๆไปตามเรื่อง
อยู่ๆ หมอที่ตรวจ  ก็ถามว่าเรียนคณะแพทย์ที่นี่หรอ
(ด้วยความที่เราค่อนข้างหน้าแก่ด้วยมั้งครับ 555+)
ก็อึ้งไปเลยครับ  แต่ก็ไม่เคยคิดอะไร 
บางทีนั่งทำงานอยู่  อาจารย์ท่านหนึ่งเดินมาเห็น
ก็บอกว่าเปิดไฟสิลูก  เดี๋ยวสายตาสั้นเกินไปเป็นหมอไม่ได้นะ
เราก็ยิ้มๆ ขำๆ ในใจว่า  เรียนสายศิลป์จะไปเป็นหมอได้ไงว๊ะ

ประเด็นก็คือต่อมาไม่นานอาจารย์ท่านนั้นเสียชีวิตกะทันหัน  พูดแล้วยังขนลุกเลยครับ
ทั้งๆที่ท่านก็ยังดูแข็งแรง  และท่านก็เป็นที่รักของพวกเรานักเรียนมากด้วย
หลังจากนั้นผมเอง  ก็มีอันต้องได้เทียวเข้า ร.พ.อยู่หลายรอบ
เพราะมีปัญหาสุขภาพซึ่งมันเล็กๆน้อยมากๆ  เลยครับ
แต่ต้องก็ต้องใช้เวลาในการรักษา  หมอนัดอยู่หลายๆรอบ

คิดว่านั่นได้ทำให้เกิดความสนใจ  ว่าทำไมร่างกายเรา
และอวัยวะต่างๆ มันช่างดูลึกลับเหลือเกิน  และเกิดความสนใจอยากจะเข้าใจมัน
จึงได้ดูหลักสูตรคณะแพทย์ศาสตร์  555+
เห็นชื่อวิชาและคำอธิบายรายวิชา  บางอันก็พอเข้าใจ
บางอันก็ไม่เข้าใจสักนิด  ว่ามันเกี่ยวกับเรื่องอะไรว๊ะ
แต่นั่นกลับยิ่งทำให้อยากรู้อยากเห็น

ประกอบกับในการรักษาตัวครั้งนี้ ได้พบแพทย์ซึ่งท่านดูน่าเลื่อมใสมากครับ
เวลาเรานั่งรอหน้าห้องตรวจ  เห็นท่านตรวจคนไข้แต่ละคน
อย่างเอาใจใส่และด้วยความเข้าใจอย่างยิ่ง รวมถึงตัวผมเองด้วย
ทำให้รู้สึกประทับใจกับอาชีพนี้ขึ้นมามากๆ ครับ

อีกอย่างหนึ่ง  คือเริ่มรู้สึกเบื่อภาษาขึ้นมาครับ
หลังจากต้องเรียนภาษาฝรั่งเศส  และอังกฤษหลักและเสริมร่วมสิบกว่าคาบต่อสัปดาห์

น่าจะสรุปได้ว่า  หากเรียนต่อในคณะสายมนุษย์ศาสตร์
ก็คงจะมีความสุขแต่ในขนาดเดียวก็เบื่อ  เพราะที่เราชอบจริงๆมีแค่วรรณคดี
พวกภาษาศาสตร์  โครงสร้่่างภาษาก็พอจะเรียนได้
แต่ที่ไม่ชอบเอาเลยคือพวกทักษะต่างๆ  เรียนพูด  เขียน  อ่าน ระดับต่างๆ
ซึ่งคณะมนุษย์ศาสตร์ส่วนใหญ่  มีวิชาเหล่านี้เป็นพื้นฐานหลายตัวเลยใช่ไหมครับ

ในขนาดที่แพทย์  เป็นวิชาที่สนใจภายหลัง
ด้วยความที่ไม่ได้เรียนสายวิทย์คณิตมา
ก็คงจะมืดไปหมด  และก็คงจะสนุกในการพยายามหาแสงสว่าง
อย่างที่ไม่มีโอกาสได้เบื่อเลยครับ

Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: anonymous in TU on October 23, 2009, 11:08:49 pm
ที่ว่าสอบได้อะครับ คือ เค้าไม่ใช่มีพิจรณาหน่วยกิจด้วยหรอครับ แบบว่า วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นั้นต้องถึง 22 ตัว อะไรแบบนี้

ปล. ขอโทษนะครับที่ต้องขุดขึ้นมา
ปล2. ผมก็กำลังมีความคิดแบบ จขกท. -*-  :'(
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: 48 on October 23, 2009, 11:17:23 pm
ที่ว่าสอบได้อะครับ คือ เค้าไม่ใช่มีพิจรณาหน่วยกิจด้วยหรอครับ แบบว่า วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นั้นต้องถึง 22 ตัว อะไรแบบนี้

ปล. ขอโทษนะครับที่ต้องขุดขึ้นมา
ปล2. ผมก็กำลังมีความคิดแบบ จขกท. -*-  :'(

ไม่มีครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: anonymous in TU on October 24, 2009, 12:06:10 am
ที่ว่าสอบได้อะครับ คือ เค้าไม่ใช่มีพิจรณาหน่วยกิจด้วยหรอครับ แบบว่า วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นั้นต้องถึง 22 ตัว อะไรแบบนี้

ปล. ขอโทษนะครับที่ต้องขุดขึ้นมา
ปล2. ผมก็กำลังมีความคิดแบบ จขกท. -*-  :'(

ไม่มีครับ

คือ มีพี่ๆหลายคนในบอร์ดเด็กเตรียม ที่บอกว่าเรียนไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่สายวิทย์อะครับ ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น แล้วสรุปมันเป็นยังไงกันแน่
: (  ??? ???
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on October 24, 2009, 12:23:44 am
ที่ว่าสอบได้อะครับ คือ เค้าไม่ใช่มีพิจรณาหน่วยกิจด้วยหรอครับ แบบว่า วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นั้นต้องถึง 22 ตัว อะไรแบบนี้

ปล. ขอโทษนะครับที่ต้องขุดขึ้นมา
ปล2. ผมก็กำลังมีความคิดแบบ จขกท. -*-  :'(

ไม่มีครับ

คือ มีพี่ๆหลายคนในบอร์ดเด็กเตรียม ที่บอกว่าเรียนไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่สายวิทย์อะครับ ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น แล้วสรุปมันเป็นยังไงกันแน่
: (  ??? ???

เรียนได้ครับ เพราะ ข้อมูลในกระทู้นี้ได้รับการยืนยันจากทางคณะแพทย์ จุฬาฯ แล้วครับ
น้องต้องดูความน่าเชื่อถือของคนตอบด้วยครับ ในเด็กเตรียม คนตอบมีหลากหลายครับ ซึ่งที่มาของข้อมูลแตกต่างกัน

ปล. ครั้งแรกพี่เคยเข้าใจผิดด้วยว่า เรียนไม่ได้ แต่จริงๆ คือ เรียนได้
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: 48 on October 24, 2009, 12:41:06 am
ที่ว่าสอบได้อะครับ คือ เค้าไม่ใช่มีพิจรณาหน่วยกิจด้วยหรอครับ แบบว่า วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ นั้นต้องถึง 22 ตัว อะไรแบบนี้

ปล. ขอโทษนะครับที่ต้องขุดขึ้นมา
ปล2. ผมก็กำลังมีความคิดแบบ จขกท. -*-  :'(

ไม่มีครับ

คือ มีพี่ๆหลายคนในบอร์ดเด็กเตรียม ที่บอกว่าเรียนไม่ได้ เพราะไม่ได้อยู่สายวิทย์อะครับ ซึ่งผมก็คิดว่าเป็นเช่นนั้น แล้วสรุปมันเป็นยังไงกันแน่
: (  ??? ???

แล้วแต่จะเชื่อครับ เพราะข้อมูลที่น้องได้ไปในขณะนี้ล้วนแล้วแต่เป็นข้อมูลที่ได้จาก "ใครก็ไม่รู้" มาตอบบนเวบบอร์ด

ซึ่งน้องก็ไม่มีทางทราบได้ว่า คนที่ตอบบนเวบบอร์ดแต่ละคนคือใคร แล้วไปได้ข้อมูลมาจากไหน

ส่วนข้อมูลที่พี่ให้ไปมาจากการสอบถามท่านผู้ช่วยคณบดีฝ่ายวิชาการ (อ.พญ.ศศิธร) ที่เป็นผู้ดูแลเรื่องงานคัดเลือกของคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ครับ

แต่พี่แนะนำให้น้องพิจารณาก่อนว่า มีความเป็นไปได้/เป็นไปไม่ได้มากน้อยเพียงใด ที่จะเชื่อข้อมูลที่พี่โพสท์
คนตอบคนนี้เป็นใคร แล้วรู้ได้อย่างไรว่าไปถามจากผู้ช่วยคณบดีมาจริง
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: anonymous in TU on October 24, 2009, 12:59:11 am
ขอบคุณพี่ๆคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาฯมากๆึครับ สำหรับคำยืนยัน  :P
ที่ว่าสอบได้ สัมภาษณ์ได้ :)
   แต่มันก็ต้องแล้วแต่ระเบียบของมหาวิทยาลัยนั้นๆใช่มั้ยครับ เพราะผมก็เห็นในเอกสารของ แพทย์ศาสตร์ ม. ขอนแก่น ที่ต้องเรียนโปรแกรมวิทย์-คณิต


ขอบคุณอีกครั้งครับ  :'(
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: คนฝันเดียวกัน on October 30, 2009, 06:49:32 pm
ตกลงเด็กศิลป์ ต้องไปเรียน ก.ศ .น เพิ่มหรือป่าว


หรือว่าไปสอบได้เลย

ติดคือติดอะไรอย่างนี้หรือปล่าว

โทษนะคะที่ถามเพราะอ่านแล้วเหมือนจะ งงๆ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on October 30, 2009, 11:55:45 pm
ขอบคุณพี่ๆคณะแพทย์ศาสตร์จุฬาฯมากๆึครับ สำหรับคำยืนยัน  :P
ที่ว่าสอบได้ สัมภาษณ์ได้ :)
   แต่มันก็ต้องแล้วแต่ระเบียบของมหาวิทยาลัยนั้นๆใช่มั้ยครับ เพราะผมก็เห็นในเอกสารของ แพทย์ศาสตร์ ม. ขอนแก่น ที่ต้องเรียนโปรแกรมวิทย์-คณิต

ขอบคุณอีกครั้งครับ  :'(

ตกลงเด็กศิลป์ ต้องไปเรียน ก.ศ .น เพิ่มหรือป่าว


หรือว่าไปสอบได้เลย

ติดคือติดอะไรอย่างนี้หรือปล่าว

โทษนะคะที่ถามเพราะอ่านแล้วเหมือนจะ งงๆ

ตอบทั้ง 2 เรพ ดังนี้ครับ

1. เอาเป็นว่า สำหรับคณะแพทย์ จุฬา รับหมดครับ จบ ม.ปลาย สายไหนก็ได้ครับ
2. ถ้าคณะแพทย์ มหาวิทยาลัยอื่น ลองสอบถามข้อมูลชัวร์ๆ อีกทีจากคณะนั้นๆ นะ (ดีกว่าถามด้วยวิธีอื่นๆ)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: คนฝันเดียวกัน on October 31, 2009, 02:49:25 pm
http://www.dek-d.com/content/studyabroad/17704/เผยชีวิตนร.ไทยใน-ฟิลิปปินส์-กับหลายเรื่องที่เรายังไม่รู้.htm


เจ้าของกระทู้ ลองเข้าไปอ่านดูนะ มันเป็นเรื่องศึกษาหมอต่อที่ฟิลิปปินอ่ะ

เผื่อได้รู้อะไรเพิ่มขึ้น

แล้วเจอกันนะที่ ฟิลิปปินจ้า
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: same dream on November 01, 2009, 03:35:18 pm
  :'( เหมือนกันเลย เรียนฝรั่งเศส(ไม่ได้อยากเรียนหรอกเกลียดภาษาด้วยซ้ำ >:( แต่กว่าจะรู้ตัวว่าโคตรเกลียดภาษาเลย รับไม่ไหวแล้ว(ม.5เทรอม2) ก็กลับไปเริ่มต้นใหม่ไม่ทันแล้ว อยากเป็นหมอเหมือนกัน สู้ๆนะคะ เมื่อวานเราก็ไปสอบ กสพท. มาแล้วแหละ  ถ้าไม่ติดก็คงต้องเรียนแบบnew tract ขอบคุณพี่ีๆมากๆเลยนะคะสำหรับคำยืนยัน :-*
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on December 14, 2009, 06:34:20 pm
      เห็นกระทู้นี้เเล้วถูกใจครับ ตรงกันมากเลย แต่ว่าตั้งเเต่สอบสายวิทย์ไม่ติด :o(ก็ยังไม่เเน่ใจด้วยเเหละ เลยไม่ได้ตั้งใจ ประกอบกับเกิดไปถูกใจ :-[ภาษาจีนก่อนที่จะสอบเข้าม.4 4เดือนก็เลยไม่ได้ตั้งใจอะไรมากนัก)ก็เลยถอดใจ :-Xเรื่องเเพทย์ไปเลยอะครับเพราะได้ยินมาว่าถ้าไม่ใช้สายวิทย์ก็เข้าเรียนเเพทย์ไม่ได้ จากวันนั้นถึงวันนี้(อยู่ม.5 เทอม2 จะสอบกลางภาคในอีก7วันข้างหน้าครับ)ที่ได้เห็นกระทู้อันนี้ :-* ก็เลยเกิดเเรงผลักดัน :'(ให้เป็นเเพทย์
      งั้นขอสู้ต่อไปครับ 8) เเพทย์จุฬาฯ เพื่อเเพทย์ สู้ตายครับ

ว่าเเต่ตอนสอบสัมภาษณ์อะครับ คือตั้งเเต่ตอนสอบสัมภาษณ์ม.4(สายวิทย์ ที่โรงเรียนผมเค้าสอบสัมภาษณ์ก่อนสอบแบบลงมือทำอะครับ (พูดไม่ถูกแฮะ))ตอนสอบเสร็จก็ไปได้ยินครูเค้าบ่นว่า"พูดอะไร...ไม่รู้เรื่อง" :o(บ่นเบาๆน่ะครับ เเถมส่ายหัวด้วย)คือตอนนั้นผมบรรยาย+พรรณาถึงสาเหตุที่มาเรียนสายนี้ เเละความฝันในอนาคตอะครับ สุดท้ายมันก็พังไมเป็นท่า        

ผมเลยอยากให้พี่ ช่วยเเนะคำตอบ เเละเเนวคำถามด้วยครับ ผมอยากให้อาจารย์เค้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดน่ะครับ คือโดยธรรมชาติเเล้วผมเป็นคนพูดตรงไปตรงมามากๆ(ขอย้ำ"มากๆ" จะออกเเนวปากเสียได้เลยอะครับ)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: เอ๋ย on December 14, 2009, 06:59:50 pm
ตกลงสายศิลป์เรียนหมอได้ปะ  เราเข้าใจว่าสอบได้ แต่ถ้าสอบได้เเล้วจะได้เรียนปะ  เเล้ว ไอ้ กพทอ.  อะปีนี้มันดูสายเรียนไม่ใช่เหรอ
เเล้ว new trea  (เขียนผิดเปล่าวะ)  เนี่ยมันคืออะไร
เราก้อกลุ้มอยู้อยู่ม.5 เทอม 2 ละ
เเต่พี่ที่หมอ มธ. บอกว่า มธ.สอบได้นะ  ถ้าผ่านก้อเรียนได้ อยู่ที่เรา
แต่อย่างว่ามันคือ มธ.
คงเข้ายากสักหน่อยอะ
ตอบเราด้วยนะ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on December 14, 2009, 07:33:42 pm
เนื่องจากมีหลายคนแวะเวียนมาถามบ่อยครั้งแล้วในบอร์ด จึงขอสรุปประเด็นไว้เลยดีกว่า

ข้อสรุป
สำหรับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ทั้งระบบ กสพท. และ รับตรง (CPIRD ODOD โอลิมปิค)
นักเรียนที่จบชั้น ม.6 สามารถสมัครสอบได้ทุกแผนการเรียน (วิทย์ ศิลป์)

อ้างอิง : http://forum.docchula.com/index.php/topic,10686.msg168201.html#msg168201

หมายเหตุ
1. ข้อมูลนี้ใช้ได้กับคณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ
2. ข้อมูลที่ปรากฎภายในกระทู้นี้ไม่สามารถใช้ในการอ้างอิงได้ 100%
    กรุณาตรวจสอบความถูกต้อง และเงื่อนไขที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละปีด้วยตัวเองอีกครั้งกับทางคณะ

* ตีความเองว่า เรียนได้ หมายความว่า ถ้าสมัครสอบ + สอบได้ จะได้เข้าเรียนมั้ย
   ถ้า จะเรียนไหวมั้ย อีกเรื่องนึง มันขึ้นกะว่า น้องปรับตัว หาความรู้แบบวิทย์ๆ ที่สายศิลป์อาจจะไม่ได้เรียนได้ป่ะ ไรงี้
* เดาว่า กพทอ. = กสพท. เมื่อกี้พี่เข้าไปอ่านประกาศรับสมัครปี 53 มา ---> http://www9.si.mahidol.ac.th/pdf/2553_520715_01.pdf (http://www9.si.mahidol.ac.th/pdf/2553_520715_01.pdf)
   หน้า 2 ข้อ 2.1 บอกแค่ว่า ผู้มีสิทธิสมัครต้องจบ ม.6 แต่ไม่ได้กำหนดสาย ดังนั้น จบ ม.6 สายอะไรก็สมัครสอบได้
* new trea น่าจะหมายถึง new track เป็นโครงการที่รับบุคคลที่จบ ป.ตรี ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพ มาเรียนแพทยศาสตร์บัณฑิต (ป.ตรี)
   ปัจจุบัน ที่จุฬาฯ ไม่มีแล้วครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on December 15, 2009, 07:19:10 pm
พี่ๆครับ ช่วยอัพเดตข่าวสารการสมัคร ของม.5(ปีการศึกษา2552) ให้ทีนะครับ ขอบคุณมากครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on December 15, 2009, 08:49:29 pm
พี่ๆครับ ช่วยอัพเดตข่าวสารการสมัคร ของม.5(ปีการศึกษา2552) ให้ทีนะครับ ขอบคุณมากครับ

ถ้ายังไงก็รอไปก่อนเน่อ เพราะ ช่วงนี้ยังเป็นประกาศของปี 53 (ม.6 ปีนี้) อยู่เลย
น้องก็คอยติดตามข่าวละกัน น่าจะหลังจากที่ ม.6 ตอนนี้เข้ามาเป็นปี 1 เรียบร้อย
ถึงจะมีประกาศใหม่อ่ะ

สำหรับกสพท. ติดตามได้ที่ http://www9.si.mahidol.ac.th/ (http://www9.si.mahidol.ac.th/)
และโครงการ CPIRD ODOD โอลิมปิคชีวะ ติดตามได้ที่ www.md.chula.ac.th/acad (http://www.md.chula.ac.th/acad)

หรือถ้ามีความคืบหน้ายังไง พวกพี่ๆ จะรีบเอามาลงให้ใน docchula เลยนะครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on December 19, 2009, 09:42:33 am
ขอบคุณมากครับ

งานนี้ต้องตั้งใจแบบสุดขั้ว!!!!!!

เอ่อ...คือ....

ข้อสอบออกแนวไหนอะครับ
สอบวิชาไรบ้าง
เเละเรื่องอะไรบ้าง

ผมจะได้ติวตรงจุดครับ
ส่งมาทางเมลก็ได้นะครับ(ลับๆ อิอิ)

Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: P'Tum #6 on December 19, 2009, 06:56:29 pm
จาก reference ที่ผ่านมาเค้าก็สรุปแล้วนี่ครับว่า
สอบได้ถ้าสอบติด
(สังเกตตำแหน่งของคน post reply แล้วจะพบว่าบางท่านที่มี strong evidence-based)




[logged]อยากจะขอเตือนเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ (ไม่รู้จะเรียก paranoid รึเปล่า ถ้าไม่ใช่ ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้)

กรณีของ คนที่คุณก็รู้ว่าใคร ก็เริ่มมารู้จักและหลอกลวง รุ่นน้องคณะเราด้วยวิธีการเช่นนี้
พี่ไม่อยากให้บอร์ดแห่งนี้เป็น ช่องทางให้คนภายนอกมาหลอกลวงเรา

ดังนั้น พิจารณา กระทำ ส่งใดเพื่อเอื้อเฟื้อคนภายนอก ให้ระวังตัวเองเสมอ
อย่าให้ mail เบอร์โทรศัพท์ หรือชื่อนามสกุลแก่บุคคลภายนอก p.s. ข้อความนี้ถูกซ่อนจากบุคคลภายนอก
[/logged]
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 06, 2010, 05:29:54 pm
เอ่อ...พี่ครับ วันนี้ที่โรงเรียนผมคาบทักษะชีวิต(คือดป็นคาบที่เค้าจะมาเเนะเเนวการศึกษา เเจ้งข่าว หรืออะไรที่เกี่ยวกับนักเรียนในม.นั้นๆรับรู้ อะครับ) มีพี่คนที่ติดแพทย์ที่มอ.(มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่หาดใหญ่น่ะครับ) พี่เค้า(เรียนสายวิทย์)บอกว่าตอนที่สอบสัมภาษณ์ของแพทย์น่ะครับ โดนยิงคำถามที่เเรงๆ เเล้วทำให้ฉุนง่าย เเล้วถ้าทำสีหน้าโมโห หรืออะไรขึ้นมาก็จะตัดสิทธิ์เลยเลยครับ เเล้พี่+ครู(ฝ่ายวิชาการ)เค้าบอกว่าเหลืออีก7เดือนก็จะเริ่มสอบตรงกันเเล้ว(เวลาที่เหลืออยู่ของม.5)

ดังนั้น จึงใคร่ขอความเห็นใจพวกพี่ๆ ช่วยบอกเเนวข้อสอบเเละวิธีการเตรียมตัวทั้งการสอบ ว่าควรอ่านเเนวไหนออกเรื่องอะไรเยอะๆบ้าง  เเละที่สำคัญคือควรเตรียมตัวอย่างไรกับการสอบสำภาษณ์ครับ อาจารย์ท่านจะถามเราแบบไหน ผมเป็นคนตอบสนองความรู่สึกทางใบหน้า และดวงตาได้ไวกว่าชาวบ้านน่ะครับ

ช่วยเเนะหน่อยนะครับ ผมรักอาชีพนี้มากครับ เเละภูมิใจที่นำความรู้ที่เรียนด้านนี้มาช่วยคนที่มีความเจ็บปวดทางกาย เเละใจ เพื่อที่จะให้รอยยิ้มของคนๆนั้นกลับคืนมา และทำให้คนรอบข้างของเค้ารู้สึกโล่งอก และสบายใจ

ผมอยากเป็นหมอ เพราะหน้าที่ ไม่ใช่เงินเหรอเกียรติยศ

ไม่ได้เว่อรนะครับ เเต่มาจากใจจริง
(ไม่เคยให้ใครรู้มาก่อน ไม่รู้ถ้าถึงตอนสอบสัมภาษณ์ จะพุดได้ป่าว อายเค้า :-[  พี่ครับเเล้วถ้านั่งเขินอายๆ อาจารย์เค้าตัดสิทธิ์ป่าวครับ คือผมเป็นคนเขินได้ง่ายๆอ่ะครับ )
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on January 06, 2010, 07:32:29 pm
เรื่องสอบสัมภาษณ์พี่ก็เคยได้ยินมาว่า กรรมการ จะพยายามยิงคำถามที่ทำให้เราฉุนไรงี้
แต่จากประสบการณ์ พี่ไม่เจอนะตอนนั้น มันเหมือนกะเป็นการถามตอบทั่วๆไป
ไม่ซีเรียสขนาดนั้นอ่ะ แต่ก็อาจจะแล้วแต่ที่ก็ได้นะ

ส่วนใหญ่สอบสัมภาษณ์เป็นพวกคำถามทั่วๆไป เช่น ให้แนะนำตัว, ถามว่าทำไมอยากเข้า อยากเรียนจริงมั้ย
ประมาณนี้ ก็อย่าไปวิตกไรมาก เตรียมตัวสบายๆอ่ะ

ส่วนเรื่องแนวข้อสอบพี่ว่า ก็ตามที่ส่วนกลางออกอ่ะ เช่น Ent ANET และปีนี้ก็วิชาสามัญ
ส่วนถ้าเป็นของโควต้าแต่ละที่ น้องคงต้องตามเอาเองนะ

สู้เค้าค้าบ  :)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: 125 66 on January 06, 2010, 10:20:17 pm
สอบสัมภาษณ์ เพื่อดูว่าเรามีอะไรที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบวิชาชีพหรือไม่ครับ

ตอบไป อย่างที่เป็นตัวน้องที่สุดแหละครับ แล้วน้องก็จะได้ในสิ่งที่เหมาะกับตัวน้องที่สุดเอง

อย่าเครียด  :)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 07, 2010, 05:20:12 pm
ขอบคุณพี่ๆ ทั้ง2มากเลยครับ

นึกว่าสายศิลป์ จะเรียนหมอไม่ได้ซะอีก (เว้นเเต่ว่าปีที่ผมสอบคงไม่ได้มาจำกัดหน่วยกิตเอาตอนนั้น)

เอ่อ...พี่ครับ คือหมอจะสอบปลายปีรึปล่าวครับ คือผมจะลองสอบคณะอื่นๆดูด้วยอะครับ(เผื่อพลาดหมอ) เเล้วถ้าผมติดคณะอื่นทางมหาวิทยาลัยคงล็อกตัวผมรึปล่าวครับ  เเล้วถ้าผมสละสิทธิ์เพื่อที่จะไปสอบหมอ เเล้วถ้าผมพลาดหมอล่ะครับ
   
       พี่ช่วยเเนะหน่อยครับว่าจะทำไงดี มีคณะไหนที่สอบหลังจากหมอมั้งครับ

........................................................................ขอบคุณที่เเนะนำทุกอย่างครับ.................................................................................
........................................................................สู้.....ครับ.....สู้..เพื่อ..หมอ.....................................................................................
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on January 07, 2010, 08:16:24 pm
1. การสอบเข้าคณะแพทย์มีหลายวิธีอ่ะ เช่น กสพท. (สอบเดือน มกราคม) โควต้า (แล้วแต่แต่ละมหาวิทยาัลัยกำหนด)
2. ถ้าน้องสอบติดคณะไหน ก็มีทางเลือกอยู่ เช่น สละสิทธิ์ที่ที่สอบได้
    แต่ถ้าน้องตัดสินใจว่า จะเอา ต้องเซ็นยินยอมใบสละสิทธิ์ กสพท. และ/หรือ แอดมิชชั่นกลาง

Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 08, 2010, 04:34:34 pm
ขอบคุณมากเลยครับพี่

นี่เเหละหนอชีวิต ต้องมีเรื่องให้เลือกเข้าสักวันสินะ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 16, 2010, 10:59:03 am
พี่ครับ...
ที่ทาง กสพท. ประกาศการคัดเลือกปีการศึกษา2553นั้น
มันเป็นปีการศึกษาของผมรึปล่าวครับ

คือผมอยู่ม.5 เทอม2 ปีการศึกษา2552

คือในใบประกาศบอกว่าทำการสมัคร(ของปีการศึกษา2553)ตั้งเเต่ปี2552 กันเรียบร้อยเเล้วล่ะครับ

http://www9.si.mahidol.ac.th/
(ฉบับที่1 ครับ)

คือเมื่อตะกี้ผมเหลือบตรงคุณสมบัติครับ มีบอกไว้ว่า"2.1........เเละคาดว่าจะจบการศึกษาตอนปลายก่อนเดือนเมษา 2553"

คือ...ไม่เกี่ยวกับผมใช่มั๊ยครับ

สาธุ...ขอให้เป็นอย่างนั้นเถ้อะ


ช่วยย้ำผมให้มั่นใจทีครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: KiaGz!~ on January 16, 2010, 12:56:57 pm
พี่ครับ...
ที่ทาง กสพท. ประกาศการคัดเลือกปีการศึกษา2553นั้น
มันเป็นปีการศึกษาของผมรึปล่าวครับ

คือผมอยู่ม.5 เทอม2 ปีการศึกษา2552

คือในใบประกาศบอกว่าทำการสมัคร(ของปีการศึกษา2553)ตั้งเเต่ปี2552 กันเรียบร้อยเเล้วล่ะครับ

http://www9.si.mahidol.ac.th/
(ฉบับที่1 ครับ)

คือเมื่อตะกี้ผมเหลือบตรงคุณสมบัติครับ มีบอกไว้ว่า"2.1........เเละคาดว่าจะจบการศึกษาตอนปลายก่อนเดือนเมษา 2553"

คือ...ไม่เกี่ยวกับผมใช่มั๊ยครับ

สาธุ...ขอให้เป็นอย่างนั้นเถ้อะ


ช่วยย้ำผมให้มั่นใจทีครับ
อันนั้นของรุ่น ม.6 ปัจจุบันครับ ^^
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 17, 2010, 09:16:53 pm
ขอบคุณมากครับ

โอกาสเป็นของเรา สู้ต๋ายคร้าบบบบบบบ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 21, 2010, 06:15:28 pm
ผมมีโอกาสที่จะเลือกadmissionแพทย์ได้ป่าวครับ(ทั้งที่ผมอยู่สายศิลป์)

เเล้วอีกเรื่องครับ...พวกแฟ้มสะสมผลงานผมยังไม่มีซักใบเลย ผมต้องทำผลงานที่เกี่ยวของกับคณะแพทย์รึป่าวครับ
 อย่างเช่น พวกอบรมทางด้านชีวฯ ค่ายวิทย์น อะไรแบบนี้ป่าวครับ รึว่าแฟ้มผลงานในสาขาวิชาไหนก้ได้

เเล้วอีกเรื่องครับ ผมวิ่งอยู่สายศิลป์มีโอกาสที่จะลงสอบกสพท.(ถูกป่าวครับ)มั๊ยครับ ถ้ามีโอกาสพี่ช่วยเเนะเรื่องรายละเอียดการสอบมาด้วยนะครับ

แล้วอีกเรื่องที่โรงเรียนผมวันนี้(21/01/53) มีครูจากข้างนอกมาติววิชาฟิสิก(ตัวอะไรการันต์(พิมพ์ถูกป่าวครับ)ครับ)ให้ครับ เป็นข้อสอบEnt. มีเรื่องที่ติวด้วยกัน3เรื่อง  คือนิวเคลียร์ฟิสิกส์(เย้!พิมพ์ถูกเเล้ว) ความร้อน เเละทฤษฎีจลน์ของแก๊ส  โครงสร้างอะตอม คือเเต่ละเรื่องออกสอบมากป่าวครับ คือถ้าผมเข้าใจพื้นฐานผมก็ไม่งงครับ เเต่เห็นที่ครูสอนนั้น มีหลากหลายยยยยยยยยสูตรมากกกกกกกก  เเถมวิธีคิดก็เยอะ(บางข้วิธีคิดสั้นมากๆ เเต่มีหลายรูปแบบ)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on January 21, 2010, 09:57:56 pm
ลองเข้าไปดูในนี้นะครับ
http://forum.docchula.com/index.php/topic,12378.0.html (http://forum.docchula.com/index.php/topic,12378.0.html)
http://forum.docchula.com/index.php/topic,6560.msg108378.html#msg108378 (http://forum.docchula.com/index.php/topic,6560.msg108378.html#msg108378)

เรื่องแฟ้มสะสมผลงาน ตอน 2 ปีที่แล้ว พี่ไม่ได้ใช้เลย
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 22, 2010, 08:04:45 pm
เย้!!!!!!!!!!!!!!สอบกสพท.ได้
555+    งานนี้เเหละ   สุดชีวิต!


เเต่พอผมเริ่มติวเเล้วก็รู้สึกว่าไม่มั่นใจในตัวเองเลยที่จะเเข่งกับคนเป็นเเสนๆ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 22, 2010, 08:16:15 pm
^
^
^
^
^
^
^
ข้างบนที่ผมพิมพ์ว่า "เย้!!!!!!! สอบกสพท.ได้"

นั่นหมายความว่า มีสิทธิ์สอบ น่ะครับ  ไม่ใช่สอบได้

คงยากครับกว่าสอบได้

สาธุ  ถ้าลูกช้างสอบติดคณะเเพทยศาสตร์ มหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ หรือไม่ก็ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกช้างจะถวายกุหลาบแดงให้รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่6 กับ เสด็จเตี้ย(จำชื่อจริงท่านไม่ได้เเล้วอ่า เเต่ที่เรียกเสด็จเตี้ยนั้น เพราะคนชอบบนเเล้วเอาไก่เตี้ย(น่าจะไก้เเจ้มั้ง)ไปปล่อยถวายเพื่อแก้บนทุกครั้ง) แห่งละ200 ดอกเลย สาธุ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: o^THE_BUN^o on January 22, 2010, 09:32:13 pm
^
^
^
^
^
^
^
ข้างบนที่ผมพิมพ์ว่า "เย้!!!!!!! สอบกสพท.ได้"

นั่นหมายความว่า มีสิทธิ์สอบ น่ะครับ  ไม่ใช่สอบได้

คงยากครับกว่าสอบได้

สาธุ  ถ้าลูกช้างสอบติดคณะเเพทยศาสตร์ มหาวิทยาจุฬาลงกรณ์ หรือไม่ก็ มหาวิทยาลัยมหิดล ลูกช้างจะถวายกุหลาบแดงให้รัชกาลที่ 5 รัชกาลที่6 กับ เสด็จเตี้ย(จำชื่อจริงท่านไม่ได้เเล้วอ่า เเต่ที่เรียกเสด็จเตี้ยนั้น เพราะคนชอบบนเเล้วเอาไก่เตี้ย(น่าจะไก้เเจ้มั้ง)ไปปล่อยถวายเพื่อแก้บนทุกครั้ง) แห่งละ200 ดอกเลย สาธุ

ประเทศไทยไม่มีมหาวิทยาลัยนี้ครับ มีแต่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on January 27, 2010, 05:33:54 pm
แฮะๆๆๆๆ :P
ตัวอักษรสีชมพูซะด้วย
แฮะๆๆๆๆๆ
ขอโทษครับ

หน้าเเตกยับเยิน

ถ้าไปพูดชื่อนี้ตอนสอบสัมภาษณ์(ไปถึงด้วยเถ้อ)ล่ะก็-----อนาคตดับ----- :o

คือวันนี้(27/1/2553)ที่โรงเรียนผม มีพี่ๆที่ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(อันนี้ไม่ประชดนะครับ เเต่อยากแก้ตัว) มาเเนะเรื่องค่าย"ก้าวกล้า"(ถูกป่าวครับ)
เป็นในค่ายมีกิจกรรมอะไรมั้งครับ เเละคนที่จะเข้าแพทย์ควรไปมั๊ยครับ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: ReboRn on February 02, 2010, 11:19:18 pm
คณะวิทยาศาสตร์ ที่จุฬาฯ เค้าคัดสาย หรือแผนการเรียนป่าวครับ ใครรู้ตอบด้วยครับ เพื่อนผมสนใจ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on March 31, 2010, 10:46:01 am
ผลการเรียนของม.5เทอม2 (รวมทั้ง 4 เทอม)ของผมออกเเล้วน่ะครับ เเล้วเกรดผม....
 
                                                           เกรด                              หน่วยกิจ
                           
1. วิชาภาษาไทย                                     2.75                                 4.0
2. วิชาคณิตศาสตร์                                   3.00                                 4.0
3. วิชาวิทยาศาสตร์                                   2.86                                 5.5
4. วิชาสังคมศึกษา ศาสนา เเละวัฒนธรรม      2.51                                 2.51
5. ภาษาต่างประเทศ                                 2.60                                20.0 


พี่ๆว่าผมไหวป่าวครับ

เอาตามความจริงเลยครับ ผมจะได้หันไปหาทางอื่น
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on April 01, 2010, 10:55:02 am
ตอนนี้น้องอาจจะกังวลว่า เกรดตัวเองไม่เยอะเลย เป็นใครๆ ก็เครียดแหละ
ซึ่งปกติเกรดเป็นผลคะแนนของการสอบ ซึ่งการสอบเป็นการวัดความรู้ที่เรียนมา
จึงยอมรับกันกลายๆ ว่า เกรดเป็นสิ่งที่สะท้อนความรู้ แต่พี่ว่าัมันไม่จริงทั้งหมด เช่น ความรู้น้อย เกรด(ควรจะ)น้อย แต่มันก็ไม่แน่ เช่น ก่อนสอบทะเลาะกะแฟนไรงี้ ดังนั้น การที่เกรดจะสะท้อนความรู้ได้มัย ปัจจัยสำคัญขึ้นกะว่าเครื่องมือวัดผลเป็นอย่างไร เช่น ความยากง่าย, ออกตามวัตถุประสงค์ที่สอน ไรงี้
ถ้าข้อสอบได้มาตรฐาน เกรดจึงจะสามารถสะท้อนความรู้ออกมาได้ หาไม่แล้ว เกรดก็ไม่มีความหมายอย่างใด

พูดมายืดยาว ต้องการจะสื่อว่า บางทีเกรดอาจจะไม่สื่อถึงความรู้เราก็ได้

แต่ถ้าไม่มองเรื่องนั้น หันมามองเรื่องที่จะสอบติดคณะที่อยากได้มั้ย
จะตอบคำถามนี้ก็ต้องดูว่า่คณะที่อยากเข้า เค้าตั้งเกณฑ์ไว้อย่างไร
เกรดมีผลหรือไม่...ถ้าไม่มี, เราก็ยังไม่เสียเปรียบเพื่อนคนอื่น
ดังนั้นที่สำคัญกว่า คือ วิชาที่สอบ...เราต้องทำคะแนนให้ได้เยอะๆ ปัญหาคือจะรู้ได้ไงว่าความรู้เยอะพอหรือยัง ก็ตอบว่าลองเอาข้อสอบเก่ามาทำดู
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Gun on April 01, 2010, 11:07:59 am
ผลการเรียนของม.5เทอม2 (รวมทั้ง 4 เทอม)ของผมออกเเล้วน่ะครับ เเล้วเกรดผม....
 
                                                           เกรด                              หน่วยกิจ
                          
1. วิชาภาษาไทย                                     2.75                                 4.0
2. วิชาคณิตศาสตร์                                   3.00                                 4.0
3. วิชาวิทยาศาสตร์                                   2.86                                 5.5
4. วิชาสังคมศึกษา ศาสนา เเละวัฒนธรรม      2.51                                 2.51
5. ภาษาต่างประเทศ                                 2.60                                20.0  


พี่ๆว่าผมไหวป่าวครับ

เอาตามความจริงเลยครับ ผมจะได้หันไปหาทางอื่น

ไหวสิครับ

พยายามเข้านะ  :)

Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: REBORN on April 19, 2010, 06:02:06 pm
ขอบคุณครับ
นอนร้องตาบวมไปหลายวันเลยครับ
ฮ่าๆๆ
งั้นต้องกลับมาสู้ซะแล้ว
ได้ยินแบบนี้ค่อยหายใจออกหน่อยครับ(น้ำมูกติดเต็มโพรงเลย เพิ่งร้องมา)
ศิลป์เเ้ล้วไง  ฮ่าๆ
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Pipekid on September 15, 2010, 08:53:33 pm
พี่ๆจ๋า  ถ้าผมถามว่า  สาศิลป์ที่เกรดน้อยมากๆ  สามารถสอบแพทย์ได้หรือไม่คับ (สมมุตินะ 1.22   1.00   1.5  ประมาณนี้อ่ะคับ  )  

สมองดีชอบเรียนเนี่ย เกรดมาน  น้อยไปหน่อย  555+  สามารถสอบได้ไหมคับแค่นี้พอละ  (ขอบคุณล่วงหน้าคับ)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: Sinful Darkness on September 15, 2010, 10:39:54 pm
พี่ๆจ๋า  ถ้าผมถามว่า  สายศิลป์ที่เกรดน้อยมากๆ  สามารถสอบแพทย์ได้หรือไม่คับ (สมมุตินะ 1.22   1.00   1.5  ประมาณนี้อ่ะคับ  )   

สมองดีชอบเรียนเนี่ย เกรดมาน  น้อยไปหน่อย  555+  สามารถสอบได้ไหมคับแค่นี้พอละ  (ขอบคุณล่วงหน้าคับ)
การสอบแพทย์นี่ ไม่สนเกรดครับ
ขอให้สอบได้ คะแนนถึง
ไม่เป็นโรคหรือภาวะที่กำหนดในข้อห้ามของ กสพท.
ไม่สอบสัมภาษณ์ตก
ก็สามารถเข้าเรียนคณะแพทย์ได้แล้วครับ



Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: noon on January 16, 2012, 01:03:36 am
แล้วนอกจากแพทย์จุฬาที่รับเด็กสายศิลป์ได้แล้ว คณะแพทย์ที่มหาลัยอื่นอย่างเช่นมหาลัยเชียงใหม่นี้เค้าจะรับรึป่าวอ่ะค่ะ อยากรู้ช่วยตอบหน่อยนะค่ะ :-*
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: ชาลี on January 17, 2012, 03:58:51 pm
^
^
คิดว่าหลักเกณท์เดียวกันนะคะ รับผ่านทาง กสพท อ้ะค่ะ  ::)
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: aiianaaiinan on October 24, 2012, 07:37:36 pm
พี่ๆคะ คือ ตอนนี้หนูเรียนศิลป์ภาษาจีนม.5เทอม2แล้วคะ  แม่อยากให้หนูเรียนสาธารณะสุข ที่มหาวิทยาลัยรับเด็กศิลป์ภาษาเข้าบ้างคะ ???
Title: Re: สายศิลป์ภาษากับการเรียนแพทย์ครับ
Post by: pipe64 on October 25, 2012, 12:39:02 am
ที่จุฬาฯ ไม่มีคณะสาธารณสุข โดยตรงครับ