Docchula Public Board > แนะนำการศึกษาต่อคณะแพทย์จุฬาฯ

แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ

<< < (11/13) > >>

Baros™ 『バーロス』:

--- Quote from: แซม on December 16, 2009, 03:09:36 pm --- :-\บอกตรงๆเบื่อ อาไรก็หมอ อาไรก็ หมอ หมอนี่มันมีคุณค่ามากกว่าอาชีพอื่นตรงไหนนักวิจัยช่วยเหลือมนุษย์ไม่ได้หรา วิศวกรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ได้หรอ จายึดติดกันไปทำไมนักหนา ลองมองดีๆ หมอก็แค่คนธรรมดาคน หมดลมเมื่อไรก็หมดกัน ใช้ชีวิตให้สบายๆมีความสุขเหอะ
ไม่รำคาญกันบ้างหรา

--- End quote ---
จริงครับ อาชีพไหนก็มีคุณค่าทั้งสิ้น ตราบใดที่ทำงานโดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และผมก็เชื่อว่าคุณเจ้าของกระทู้คิดเช่นนี้

แต่จากที่ผมอ่าน เจ้าของกระทู้เขาพยายามจะสื่อว่าเมื่อเทียบระหว่างการทำงานวิจัยกับการเป็นแพทย์ให้ความรู้สึกต่างกันโดยจุดหนึ่งที่สำคัญก็คือเจ้าของกระทู้คิดว่าการทำงานในฐานะแพทย์นั้น เราสามารถเห็นผลจากงานของเราได้ทันที

มากกว่าการเปรียบเทียบว่าอาชีพอะไรดีกว่าอะไรครับ :)


--- Quote from: แซม on December 16, 2009, 03:09:36 pm ---ถ้าไม่มีวิชาชีพของพวกฉันเนี่ยการแพทย์มันจะวิวัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้ไหมคะ

--- End quote ---
ถ้าไม่มีงานวิจัย การแพทย์ก็ไปไม่ได้หรอกครับ :)

Gun:

--- Quote from: แซม on December 16, 2009, 03:09:36 pm --- :-\บอกตรงๆเบื่อ อาไรก็หมอ อาไรก็ หมอ หมอนี่มันมีคุณค่ามากกว่าอาชีพอื่นตรงไหนนักวิจัยช่วยเหลือมนุษย์ไม่ได้หรา วิศวกรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ได้หรอ จายึดติดกันไปทำไมนักหนา ลองมองดีๆ หมอก็แค่คนธรรมดาคน หมดลมเมื่อไรก็หมดกัน ใช้ชีวิตให้สบายๆมีความสุขเหอะ
ไม่รำคาญกันบ้างหรา

   ปล.ไม่ใช่หรอกค่อนข้างเฮริทที่บอกว่าเป็นนักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้ พอดีเป็นนักวิจัยซะด้วยของเลยขึ้น อยากจาบอกว่าถ้าไม่มีวิชาชีพของพวกฉันเนี่ยการแพทย์มันจะวิวัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้ไหมคะคุณว่าที่ นศพ.แพทย์คะ(ว่าที่จริงรึเปล่า)
    สุดท้ายเก็บไปคิด อาชีพหมอกับคนกวาดถนนในสายตาของเจ้าของกระทูมีคุณค่าเท่ากันหรือป่าว >:(

--- End quote ---

ใช่ครับ
จริงๆแล้ว คุณแม่ของผมก็เป็นนักวิจัย (นักเคมี) มาหลายสิบปีแล้ว
ผมก็เลยพอจะทราบถึงความรักความทุ่มเทที่มีต่องาน ของผู้ที่เป็นนักวิจัย
และผมก็ศรัทธาในงานของอาชีพนักวิจัยมากๆ  และอยากจะเป็นนักวิจัยที่ดีด้วย
ดังนั้น ผมเองก็รู้สึกแปลกๆกับคำว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" เช่นกัน

ในอีกแง่หนึ่ง ผมคิดว่าการที่นักวิจัยรุ่นอาวุโสแนะนำนักวิจัยรุ่นใหม่เช่นนี้ เป็นเรื่องที่น่ารักน่าชื่นชมมากครับ
อย่างน้อยก็ทำให้ผมเองได้ระลึกว่าคุณค่าของเราไม่ได้อยู่ที่การมีอะไรดีกว่าคนอื่น แต่อยู่ที่การทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่งานของเรา เพื่อสร้างคุณค่าแก่สังคม

ปล. จขกท เค้าคงไม่มีเจตนาจะลบหลู่ครับ คงเพียงแค่ใช้คำที่ล่อแหลมต่อการตีความในเชิงลบครับ

Plub42~63:
เป็นกำลังใจให้สำหรับพี่เจ้าของกระทู้นะคะ ถ้าเป็นการตัดสินใจที่พี่คิดว่าดีที่สุดแล้ว(ยังไงพี่ก็รู้ปัจจัยการตัดสินใจของตัวเองดีที่สุดอยู่แล้ว) เดินหน้าเต็มกำลังเลยค่ะ ::)

สำหรับเรื่องเตรียมตัวสอบ ขออ้างประโยคเด็ดจากรุ่นพี่นะคะ "น้องไม่จำเป็นต้องอ่านตลอดเวลาที่ตื่น แต่น้องต้องตื่นตลอดเวลาที่อ่าน"

การเตรียมตัวสอบสำหรับตัวหนูเองเนี่ย อาศัยว่าตั้งใสม่ำเสมอตอนเรียนในห้อง แล้วถึงเวลาทวนก็เลยทวนได้เร็ว+ได้ผลดี

ถ้าเทียบกับพี่ที่ทำอยู่ก็คือ อ่านตอนนี้เหมือนกำลังตั้งใจเรียนอยู่ แต่จิงๆก็อยู่ที่โค้งสุดท้าย ว่าตอนนั้นใครจะแน่นกว่ากัน ประเมินด้วยการทำโจทย์เยอะๆละกันค่ะ

เมื่อสามปีที่แล้วเนี่ย หนูวิชาไหนที่คิดว่าอ่อนก็เน้น  ถ้าท้อก็ทำวิชาที่ทำได้ จะได้มีกำลังใจอะ

อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะที่สำคัญที่สุด ::)

กวาง:
เอ รู้สึกว่า คำว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" มันไม่ใช่คำพูดของผมนี่นา

ผมบอกว่าไม่อยากเป็นนักวิจัยแก่ๆ เฉยๆครับ ซึ่งคำๆนี้มันก็ออกมาจากใจจริง เพราะตัวกระผมเอง คิดว่าคงเป็นนักวิจัยที่ดีได้ยากครับ
(ถ้าเคยอยู่ในวงการนี้จะรู้ว่า นักวิจัยเทพๆ เก่งจริงๆ น่ะมีไม่เท่าไหร่หรอกครับ ส่วนใหญ่ก็ทำวิจัยหวังผลงานเลื่อนขั้น กับเงินส่วนแบ่งนักวิจัย 10% ทั้งนั้น)

และคิดว่าถ้าได้เป็นนักวิจัย ผมคงไม่ใช่นักวิจัยที่เก่งกาจอะไร แต่ถ้าให้ทำงานไปตามหน้าที่ ผมคิดว่าผมได้ดีแน่ๆครับ

ผมเองยกย่องนักวิจัยหลายคน ในหลายๆสายงาน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงครับว่าไม่ใช่นักวิจัยทุกคนจะทำไปเพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ๆ
เกินครึ่ง ทำไปเพราะเรื่องตำแหน่ง ผลงาน และเงินทั้งนั้นครับ

ดังนั้น คำพูดที่ว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" น่ะมีอยู่จริงแน่นอน และผมก็ไม่ปราถนาจะเป็นแบบนั้นครับ

โปรดอย่าเข้าใจผิด ว่าผมดูถูกนักวิจัย หรือการวิจัย ผมเป็นเด็กวิทยาศาสตร์เต็มขั้น และรู้อยู่เต็มอกครับว่าประเทศชาติจะเจริญไม่ได้เลย ถ้าไม่มีการวิจัย แต่คำว่า "นักวิจัยที่เก่งและดี" กับ คำว่า"นักวิจัยเอื้ออาทร" ผมว่ามีความหมายต่างกันพอสมควรครับ

มันก็เหมือนกับคนที่ภูมิใจนักหนากับคำว่า ดร. ที่นำหน้าชื่ออยู่้ แต่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แสตท เมทาโด แอปแสตร็ค ยังต้องไปจ้างคนอื่นทำให้ นักวิจัยจอมปลอมก็มีลักษณะเหมือนกันครับ

จูน:
 :-*ขอนับถือในความกล้าหาญของ จขกท.ค่ะ  เพราะถ้าลองมองๆดูแล้วน้อยคนนะค่ะที่จะกล้าตัดสินใจแบบนี้  ต้องกลับไปเริ่มชีวิตมหาลัยใหม่ ซึ่งเวลาเหล่านั้นคุณอาจจะมีครอบครัวไปแล้ว  จูนเคยเห็นหลายๆคนทำงานไปแบบว่า ใช้ชีวิตไปวันๆขอแค่ให้ได้เงินเดือนก็พอ  แต่ไม่ได้มีความสุขกับจุดๆนั้นเลย  ซึ่งดูแล้วมันน่าเศร้านะค่ะ
  ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท. ค่ะ เพราะจูนก็กำลังเอนท์เข้าคณะแพทย์ปีนี้เหมือนกัน(แต่คิดว่าคงจะไม่ได้ เพราะพึ่งมาเริ่มอ่านหนังสือ มัวไปแลกเปลี่ยนเมืองนอกอ่าาา) แต่ถึงไม่ได้ปีนี้ก็รอปีหน้า จะพยายามจนกว่าจะได้  แล้วจะรอเจอ จขกท. นะคะ มาเป็นแพทย์จุฬาด้วยกัน ถ้าไม่ได้รุ่น 66 ก็ 67 ไม่ก็ 68 สักวันมันต้องสำเร็จค่ะ  เพื่อสิ่งที่เรารักที่จะทำมัน  เหนื่อยแค่ไหน ต้องรออีกนานแค่ไหนก็ยอม  :'(


                                                                                                                                            มามะ มาสู้ไปด้วยกัน  ;D

Navigation

[0] Message Index

[#] Next page

[*] Previous page

Go to full version