Docchula Community
Docchula Public Board => Docchula Public Board => Topic started by: kunatokung on August 12, 2009, 06:49:16 pm
-
อยากทราบถึงกฎหมายว่าด้วยการการุณยฆาตในเมืองไทยอะครับ
-
ประเทศไทย
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการแสดงเจตจำนงของผู้ป่วยที่ จะไม่รับการรักษาดังต่อไปนี้พร้อมบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง[4]
มาตรา 12 บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไป เพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้
การดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
เมื่อผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขได้ปฏิบัติตามเจตนาของบุคคลตามวรรค หนึ่งแล้ว มิให้ถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด และให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
"บริการสาธารณสุข" หมายความว่า บริการต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ การตรวจวินิจฉัยและบำบัดสภาวะความเจ็บป่วย และการฟื้นฟูสมรรถภาพของบุคคล ครอบครัว และชุมชน
"ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุข" หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
มาตรา 4 ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติ นี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
เครดิต http://th.wikipedia.org/wiki/การุณยฆาต
เครดิต การบรรยายหัวข้อ Living will ในการประชุมวิชาการร่วมระหว่าง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
-
พึ่งรู้ว่ามีกฎหมายแบบนี้ด้วย !!! :o
การุณยฆาต ฟังดูเป็นปรพากย์ (ปฏิพากย์) อย่างไรก็ไม่รู้ :'(
-
"การดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาตามวรรคหนึ่ง
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง"
ตอนเรียนกลุ่มย่อย Ethics เค้าว่ากฎกระทรวงที่ว่า่ยังไม่ออกอ่ะนา > <!!
-
เท่าที่อ่านตัวแดงๆของน้องไปป์
เหมือนกฎหมายอนุญาตให้แค่เขียนฟอร์ม Do not resuscitate
มันนับเป็นการุณฆาตด้วยเหรอ ???
-
เท่าที่อ่านตัวแดงๆของน้องไปป์
เหมือนกฎหมายอนุญาตให้แค่เขียนฟอร์ม Do not resuscitate
มันนับเป็นการุณฆาตด้วยเหรอ ???
ใช่แล้วครับ เป็นคนละกรณีโดยสิ้นเชิง
ถ้าถามเรื่องการุณฆาต คำตอบคือไม่มีกฎหมายรองรับเลยครับ
ไม่น่าจะต่างกับ ฆ่าคนโดยเจตนา (เจตนาจะการุณไหมก็แล้วแต่)
-
ประเทศไทย
พระราชบัญญัติสุขภาพแห่งชาติ พ.ศ. 2550 มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2550 เป็นต้นไป ซึ่งพระราชบัญญัติดังกล่าวมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการแสดงเจตจำนงของผู้ป่วยที่ จะไม่รับการรักษาดังต่อไปนี้พร้อมบทบัญญัติที่เกี่ยวข้อง[4]
มาตรา 12 บุคคลมีสิทธิทำหนังสือแสดงเจตนาไม่ประสงค์จะรับบริการสาธารณสุขที่เป็นไป เพื่อยืดการตายในวาระสุดท้ายของชีวิตตน หรือเพื่อยุติการทรมานจากการเจ็บป่วยได้
การดำเนินการตามหนังสือแสดงเจตนาตามวรรคหนึ่งให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
เมื่อผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุขได้ปฏิบัติตามเจตนาของบุคคลตามวรรค หนึ่งแล้ว มิให้ถือว่าการกระทำนั้นเป็นความผิด และให้พ้นจากความรับผิดทั้งปวง
มาตรา 3 ในพระราชบัญญัตินี้
"บริการสาธารณสุข" หมายความว่า บริการต่าง ๆ อันเกี่ยวกับการสร้างเสริมสุขภาพ การป้องกันและควบคุมโรคและปัจจัยที่คุกคามสุขภาพ การตรวจวินิจฉัยและบำบัดสภาวะความเจ็บป่วย และการฟื้นฟูสมรรถภาพของบุคคล ครอบครัว และชุมชน
"ผู้ประกอบวิชาชีพด้านสาธารณสุข" หมายความว่า ผู้ประกอบวิชาชีพตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล
มาตรา 4 ให้นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขรักษาการตามพระราชบัญญัติ นี้ และให้มีอำนาจออกกฎกระทรวงเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้
เครดิต http://th.wikipedia.org/wiki/การุณยฆาต
เครดิต การบรรยายหัวข้อ Living will ในการประชุมวิชาการร่วมระหว่าง คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ และคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ม.มหิดล
พี่งั้นแสดงว่า ต้องทำล่วงหน้าใช่ปะ แต่ถ้าไม่ทำไว้อะ แบบ พ่อ แม่ มาบอกให้ เลิก งี้ ทำได้ไหมอะ แบบเลิกๆๆๆ พอหมอ พอพอ ไรงี้
-
ข้อมูลอะไรกัน เราต้องรู้ใช่มั๊ย :'(
-
สิทธิที่ว่า คือประมาณว่าผู้ป่วยต้องเป็นคนทำเองในขณะที่เค้ายังอยู่ในภาวะที่ยังสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้และเป็นการทำโดยเจ้าตัวสมัครใจ ::)
สำหรับกรณีที่ผู้ป่วยไม่สามารถแล้ว ก็จะเป็นคนละเรื่องกันแล้วครับ อันนั้นก็ขึ้นกับดุลพินิจของหลายๆฝ่าย ซึ่งก็จะมีหลายกรณีตามสภาพสถานการณ์ของแต่ละเคสไป
-
เรื่อง autonomy หรือ ในความหมายแบบใช้งานต่อนี้คือ สิทธิในการตัดสินใจเรื่องต่างๆนั้น อยู่ที่ใคร
ก็อยู่ที่คนไข้ ในกรณีที่สติสัมปชัญญะสมบูรณ์ เหมือนการตัดสินใจทั่วไป
ทีนี้ถ้าคนไข้ไม่อยู่สภาวะที่สามารถตัดสินใจได้ ใครจะตัดสินแทนล่ะ?
ก็มองหากันดู ญาติหรือเปล่า ญาติคนไหน
หรือส่งอำนาจกลับสู่รัฐ ก็คือศาล