Docchula Community
Docchula Public Board => แนะนำการศึกษาต่อคณะแพทย์จุฬาฯ => Topic started by: เด็กม.4 on August 23, 2009, 08:47:45 pm
-
สวัสดีค่ะ คือหนูเป็นเด็กม.4คนหนึ่งที่อยากเข้าแพทย์จุฬาฯมากเลยค่ะ
แต่ตอนนี้หนูมีเรื่องที่จะต้องตัดสินใจอะค่ะ
คือปีนี้อะค่ะหนูสอบติดทุนที่เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนอะค่ะ
แต่เป็นของAYCอะค่ะ
แล้วหนูไปลองคุยกับที่บ้าน
แต่พวกท่านแนะนำว่าหนูควรจะสอบเอนฯให้ติดเสียก่อน
แล้วดร็อปมหาลัย1ปี
แล้วไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้วกลับมาเรียนต่อ
คือหนูอยากถามว่าAFSเขารับสมัครนักเรียนม.6มั๊ยค่ะ?
คือไปตอนที่จบม.6แล้วอะค่ะ
แล้วเ่อ่อ มีที่อื่่นที่รับสมัครนักเรียนม.6ที่นอกจากAFSอีกมั๊ยคะ?
คือหนูอยากลองไปหาประสบการณ์จากต่างแดนดูอะค่ะ
ขอบคุณมากๆเลยนะคะ
-
พี่เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน AFS นะ ก็ไปตอนที่กำลังเรียนชั้นม.5 แล้วกลับมา พาสชั้นกลับมาเรียนม.6 ต่อ (คือไม่เสียเวลาไปฟรีๆปีนึง)
AFS ต้องเรียนอยู่ ม.ปลายครับ สำหรับข้อมูลที่อื่นรอคนอื่นที่รู้มาตอบแล้ววกันนะ :)
-
ผมได้เรียนรู้จากการดูคนไข้ระยะสุดท้ายว่า
ชีวิตไม่แน่ไม่นอน มีการเปลี่ยนแปลงตลอด
สิ่งที่กำลังจะหมดไปคือ เวลา
ฉะนั้น ขอแนะนำให้คุณเลือกทำในสิ่งที่อยากทำที่สุดก่อน
ไมได้แช่ง แต่เราอาจไม่มี "ปีหน้า"
มีอะไรอยากทำก็จงทำเสียในปีนี้
ไม่งั้น เราอาจจะต้องบ่นว่า "รู้งี้ ตอนนั้นเรา...ดีกว่า"
-
ถ้าน้องอยากหาประสปการณ์จากต่างแดนก็มีอีกทางเลือกหนึ่งที่น้องจะไปได้เมื่อเรียนมหาลัย
ก็คือ work&travel เพื่อนพี่ก็ไปกันเยอะนะ ไปช่วงปิดเทอม
-
ก่อนที่เราจะตัดสินใจทำอะไรลงไปอย่างน้อยเราควรมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ
นักเรียนแลกเปลี่ยนอะหรือ จริงๆพี่อยากให้น้องรู้คำจำกัดความของมันให้ดีก่อน อย่างน้อยก็รู้ว่ามันจะเป็นยังไงแบบคราวๆ เราคาดหวังอะไรไว้ คิดว่ามันจะเป็นไง มันใช่สิ่งที่เราต้องการจริงหรือป่าว หรือว่ามันเป็นแค่ความรู้สึกขณะนี้ เพราะจริงๆแล้วน้องอาจคาดหวังอะไรบ้างอย่างจากการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแล้วไม่เป็นตามที่หวังก็ได้
พี่เองเคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ความรู้สึกตอนนี้กับตอนนั้นอาจต่างกันก็ได้ ตอนนั้นพี่ก็อยู่ ม.4 อยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนเหมือนน้องแหละ ต่างกันที่ตอนนั้นไม่มีความคิดอยากเข้าแพทย์จุฬาหรือมีความคิดว่าโตขึ้นอยากจะเป็นอะไรสักอย่าง ตอนนั้นพี่มีความคิดเพียงแค่ว่าอยากเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน อยากเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ไปในที่ใหม่ ที่ที่เราไม่เคยไป ได้อยู่กับคนที่เราไม่เคยรู้จักหรือแม้แต่เห็นหน้า ไม่คิดว่าจะเจออะไรที่วิเศษหรือหรูหรา คุยกับพ่อแม่แล้วท่านอนุญาต พ่อแม่พี่ไม่ได้บังคับว่าจะให้เรียนอะไร แต่มีข้อแม้ว่าพ่อแม่ให้ลูกไปแล้ว พอกลับมาลูกต้องซ้ำชั้น พี่ก็ตอบตกลง สรุปว่าพี่ก็ได้เป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตอนม.5 แล้ว หนึ่งปี พอกลับมาก็ทำตามที่พ่อกับแม่ขอ ก็คือซ้ำชั้น สำหรับพี่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับการเรียน ม.5 อีกทีนึง จริงมันก็เหมือนเรียนหนเดียวแหละเพราะว่าเรียนที่โน้นมันต่างกับที่นี่ แม้ไม่ต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่ก็ตาม แต่ถ้าใครจะไม่ซ้ำชั้นก็ได้ไม่มีปัญหา เพราะเพื่อนปีบางคนก็ไม่ซ้ำ เท่าที่อ่านที่น้องเขียนมาแล้วพ่อแม่น้องให้น้องเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนแบบว่า ให้เข้ามหาวิทยาลัยก่อนแล้วค่อยไปพี่ว่ามันไม่น่าจะมีนะ เพราะนักเรียนแลกเปลี่ยนมันน่าจะเป็น high school มากกว่า ส่วนตัวพี่เองพี่ว่าพอมาเรียนมหาวิทยาลัยแล้วไปwork and travel มันก็ไม่เหมือนกับไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนตอนไปอยู่ high school หรอกนะ เพราะไปตอนhigh school น้องจะได้ใช้ชีวิตเหมือนน้องเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เหมือนเป็นสมาชิกคนหนึ่งของโรงเรียนนะ ได้เรียน ได้เล่นกีฬา เล่นดนตรี ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ ได้รู้สึกจริงๆว่าชีวิต high school ที่นั้นมันเป็นอย่างไง
ส่วนที่ว่าจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยนั้นพี่ก็ว่ามันจำเป็นแต่ว่าต้องลองคิดดูให้ดีว่าจริงแล้วเราต้องการอะไร ครอบครัวเราคิดอย่างไง ลองคุยกันดู ปรึกษากันดู มันน่าจะมีทางออกที่ดีได้ บางที่มันยากที่จะตัดสินใจ เราอาจเลือกสองอย่างทีเดียวกันไม่ได้ แต่เลือกกันคนละทีได้ เราจะได้สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับแต่ละคน
สำหรับตัวพี่เองนะไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนก่อนแล้วค่อยกลับมาสอบแพทย์จุฬา
สุดท้ายพิมพ์ไปยืดยาว ไม่ว่าอะไรก็ตามที่น้องตัดสินใจพี่ขอให้มันเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับน้อง จะไม่มีคำว่าไม่น่าเลย ไม่น่าทำอย่างงั้นเลย ย้อนเวลาได้จะไม่ทำดีกว่า ตัดสินใจพลาดไปแล้ว พี่ว่าการตัดสินใจบ้างอย่างทำไปแล้วแก้ไขในสิ่งที่ทำลงไปแล้วไม่ได้ ต้องเผชิญกับสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วอยู่กับมันให้ได้ดีกว่า
ขอให้น้องโชคดี
-
เราเคยเห็น AFS มีโครงการสั้นๆ สำหรับคนที่อายุ 18+ นะ
เป็นพวกโครงการ 3 เดือน หรือครึ่งปี
ลองเข้าไปดูในเว็บของ AFS เค้าจะมีบอกไว้เรื่อยๆค่ะ ^^
-
เวลาจะทำอะไรนะครับ ขอให้คิดไว้เสมอว่า ต่อไปในอนาคตเราจะต้องไม่มาพูดว่า
"...ถ้ารู้อย่างนี้แต่แรกนะ เราจะไม่ทำ.....(อย่างนั้น)....."
แต่อย่างว่าเถอะครับ บางทีน้องอาจจะไม่อยู่ในสถานะที่มีข้อมูลมากพอที่จะตัดสินใจอะไรๆ ได้ดีมากนัก
แล้วเรื่องของอนาคต เรื่องของสิ่งที่อยู่นอกเหนือการควบคุมของเรา อะไรมันจะเกิดขึ้นใครจะไปรู้
ถึงเราจะวางแผนดิบดีแค่ไหน ถึงจะเตรียมตัวดีแค่ไหน มันก็ไม่มีอะไรเป็นเครื่องรับประกันได้ว่า
ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะราบรื่น และเป็นดั่งใจที่เราวาดหวังเอาไว้ ฉะนั้น ขอให้ใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท
และก้าวเดินต่อไปอย่างกล้าหาญ แล้วจะโชคดี
-
พี่ก็ไม่เคยเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนมาก่อน จนขณะนี้พี่เรียนอยู่ปีสุดท้ายแล้ว กำลังจะไปเรียนวิชาเลือกที่ต่างประเทศ 1 เดือน สำหรับพี่คิดว่าถ้าน้องมีโอกาสที่จะทำแล้วไม่เดือดร้อนก็น่าจะลอง อย่างที่อาจารย์กระทู้ข้างบนบอกไว้ ชีวิตคนเรามันสั้นนะ ไม่ใช่แค่ว่าจะมีปีหน้าหรือเปล่า เอาแค่ว่าพรุ่งนี้น้องจะมีทุกอย่างเหมือนเดิมไหม เพราะฉะนั้นกล้าที่จะตัดสินใจและบอกเหตุผลของเรากับพ่อแม่ คุยกันด้วยเหตุผลพี่เชื่อว่าน้องจะสมหวังกับคำตอบของพ่อแม่