Docchula Community
Docchula Public Board => แนะนำการศึกษาต่อคณะแพทย์จุฬาฯ => Topic started by: บุคคลปริศนา on March 29, 2010, 02:59:53 am
-
เอ่อคือว่า ช่วงนี้ผมสับสนตัวเองมากๆ อ่ะครับ
มันมีความรู้สึกลึกๆ บอกให้ไปอ่านหนังสือ แล้วตัวเองก็บอกว่าเด๋ยวก่อน
นาน..... มากกว่าจะไป แล้วพอไปแล้ว ถ้าจะทำโจทย์ ก็เปิดดูซึ่งผมก็ทำไม่ได้ เปิดดูเฉลยอยู่ตลอด
บางทีทำได้ก็แปบเดียวแล้วมันก็มีความรู้สึกว่าเดี๋ยวค่อยทำต่อแล้วไปทำอื่นๆ จนไม่ได้มาทำต่อ
ซึ่งผมก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกนี้ ผมเลยมาขอคำปรึกษาพี่ๆ อ่ะครับ
เวลาพี่ๆ จะอ่านหนังสือ
จะด่า จะว่าเพื่อให้เกิดกำลังใจ(หรือไม่) ก็ไม่ถือครับรับฟังครับ
หรือเริ่มอ่านหนังสือเป็นจริงๆ จังๆ หากำลังใจมาจากไหน แล้วคิดถึงอะไร
ผมอยากให้พี่ๆ ช่วยบอกแนวทาง หรือวิธีของพี่ๆ เพื่อผมจะนำไปดัดแปลงหรือเติมแต่งมา
ใช้กับตัวเองได้บ้าง
ผมเข้ามาแวะ บ่อยแล้วผมไม่รู้จะ โพสออกมายังไงก็ไม่รู้ มันอธิบายไม่ถูก แต่มันมีอะไรบอก
ให้ไปอ่านหนังสือ (แต่ตัวผมมันก็ปฎิเสธตัวเองอยู่ตลอดเวลา)
ผมควรเริ่มอย่างไรดีครับ
อยากให้พี่ๆ ทุกคนช่วยอธิบายชีวิตประจำวันที่กำลังเริ่มอ่านหนังสือจริงๆ จังๆ เพื่อผมจะนำไปปรับปรุง
ใช้กำชีวิตประจำวันของตัวเองบ้าง มันฟิตอ่ะครับ แต่ผมปฎิเสธมันตลอด
พอตอบรับมันก็ได้แปบเดียว>?
ขอบคุณมากครับที่ทนอ่านที่วกวน หรือไม่เข้าใ จ มันไม่สามารถที่จะอธิบายเป็นตัวหนังสือได้
^_^
(ขอโทษด้วยครับตะกี้ตั้งผิดหมวด)
-
เอ่อ
ช่วงเวลาในการอ่าน
แล้ววิธีในการอ่านอ่ะครับ เราเลือกช่วงเวลาไหนดีครับ
แล้วจะอ่านในบรรยากาศแบบไหน
ทำอย่างไรเราถึงจะทำตามอรมณ์ที่อยากให้อ่านของจิตรสำนึกเราครับ งิ
ผมยังสับสนกับตัวเองอยู่มากเลยครับ
ช่วยอธิบาย สำหรับพี่ๆ ที่เต็มใจที่จะลองเล่าวิธีปฎิบัติ
ของตนเองในน้องนะครับ
ขอบคุณอีกรอบครับ
-
สำหรับพี่นะคับ
ช่วงเวลาอ่าน ก้อให้อ่านตอนที่เรามีสมาธินะคับ
อย่างเช่นของพี่อ้ะ ตอนกลางคืนจะอ่านไม่ได้ เพราะดูบอล :P
ตอนกลางวันก้อไม่ได้ เพราะเล่นบาส :)
ตอนเย็นก้อไม่ได้อีกเพราะเล่นเกม :P
แล้วพอเราไปอ่านเวลาพวกนี้ มันก้อจะไม่มีสมาธิอ้ะคับ พี่ก้อเลยลองหาเวลาที่มีสมาธิดู ซึ่งของพี่เป็นเช้ามืดอ้ะคับ แบบ ตื่นมาอ่าน :'( :'(
ส่วนการอ่าน ก้ออ่านให้มันจำได้อ้ะคับ ช้าๆ แต่ชัวร์เนอะ :) :)
ไม่เน้นจำนวนรอบอ้ะคับ อ่านจบรอบสองรอบ ถ้าจำได้ก้อดีกว่าอ่านสิบรอบแต่จำไม่ได้นะคับ
ดังนั้น ไม่ต้องรีบอ่านให้มันจบๆไปนะคับ ตั้งสติค่อยๆอ่าน กะเวลาให้ดี ให้จบทันอ้ะัคับ
แล้วก้อ อ่านคืออ่านนะน้อง เล่นคือเล่น เที่ยวคือเที่ยว อย่าเอามาปนกัน
วิธีพี่ก้อคืออยากเล่นอะไรเล่น อยากทำอะไรทำ ให้เต็มที่ แล้วเวลาอ่านก้อจะได้รู้สึกว่า มันเป็นหน้าที่ของเราแล้วนะ
เพราะเล่นไปแล้ว เที่ยวไปแล้ว ทำอาไรที่อยากทำไปแล้ว ::) ::)
แล้วพี่ก้อ ตั้งใจอ่านเองอ้ะคับ
ประมาณนี้เนอะ :P :P
-
ขอบคุณมากครับ
พอมีอะไรจำแนะนำผมอีกไหมครับ
อิอิ :( กำลังหาตัวตนที่แท้จริง
แล้วสมาธิที่พี่ว่านี่มันรู้สึกยังไงหรอครับ ^_^
-
อาการใกล้เคียง พอจะอ่านก็เอาไว้ก่อน อีกตั้งนาน
ตื่นเช้าตื่นมาก็ สายแล้วๆๆ รีบไปๆๆๆ
ตอนกลางวัน ก็ต้องทำนู่นนี่ คนมันไม่ว่างนี่
ตอนเย็น ก็หนังเกาหลี ดูการ์ตูน อ่านวันแมงกะ กินนู่นนี่นั่น
พอมืดๆ สามทุ่ม ไม่อาว จาเป็นเด็กอนามัย จานอนๆ
สุดท้าย อ๊ากซ์ อีกสองวันจาสอบแว้วๆๆๆๆๆๆ อ่านๆๆๆ
โอย ทำไมมันเยอะอย่างนี้ ไม่รู้เรื่องเลย ไม่เอาแล้ว (แล้วก็ขว้างหนังสือทิ้งแล้วก็ไปนอน)
และเวลาที่คิดว่ามีสมาธิแอนด์มีค่าก็คือ เช้าก่อนสอบ ไปนั่งฟังคนอื่นพ่น (คิดผิด)
ฟังไปฟังมาเข้าห้องสอบ เฮ้ย ลืมหมดเลย คะแนนเน่า เป็นวงจรอุบาทว์ อย่าทำตามเด็ดขาด
สรุป อ่านๆไปเหอะ แถกๆไป กินมั่งดูทีวีมั่งก็แถกไปเหอะ
( >:( มาแนะนำคนอื่น ตัวเองยังวนในวงจรอุบาทว์อยู่เลย)
ปล.แล้วสมาธิที่พี่ว่านี่มันรู้สึกยังไงหรอครับ ^_^
อืม รู้สึกเหมือนมีพญาห่านประทับทรง ณ ร่มมาลุลี อาการคล้ายปาราวตีกลับหลังหัน
อ๊าก ล้อเล่น ไม่รู้ ไม่มีเหมือนกัน ;D ;D ;D
-
ก่อนสอบ 1 อาทิตย์ เย้! ;D
-
ถ้าคิดว่าการอ่านมันจำเป็นสุดๆ ไม่อ่านเลยแล้วจะตายดับอนาถคาสี่แยกอินโดจีน
...เดี๋ยวมันก็ต้องแงะตัวจากความขี้เกียจออกไปอ่านได้เอง
ข้าพเจ้าเชื่อเช่นนั้น
วิธีอ่านของข้าพเจ้านั้นแปลกนัก ส่วนใหญ่จะไม่สามารถอ่านหนังสือโดยตลอดได้ เพราะเบื่อ เพราะปวดหัว เพราะอยากอ่านการ์ตูนดูอนิเมอ่านนิยายมากกว่า ข้าพเจ้าจึงต้องจัดสรรเวลาพักและเวลาอ่านในคราวเดียวกัน
สำหรับข้าพเจ้า ส่วนใหญ่เวลาอ่านหนังสือ จะเป็นเหมือนเวลาพักในการทำสิ่งอื่นๆทั้งปวง :-Xคือดูอนิเม พอมันพักครึ่ง ก็มาอ่านต่อ อ่านไปสักพัก ดูต่อ อนิเมจบ อ่านต่อ ระหว่างนั้นก็โหลดตอนต่อไป พอโหลดเสร็จก็มาดูต่อ...เป็นอย่างนี้ร่ำไป
ปริมาณการอ่านนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้อ่าน ว่าประสงค์จะนำวิชาความรู้เหล่านั้นไปใช้ในอนาคตมากเพียงใด หากผู้อ่านคิดว่าเนื้อหานั้นจำเป็น ขืนไม่อ่านคงทำคนดับอนาถนับล้านราวกับปรมาณูลงกลางบางกอก ย่อมตั้งใจอ่านไม่ละสายตา แต่หากไม่ชอบ อ่านแต่เพียงหน้าที่ ก็ต้องจัดสรรเวลาดีๆมากๆ เพราะความขี้เกียจมันจะสูง แต่ถ้าเกิดมุ่งมั่นทะลุกำแพงหนึ่งของความอู้ไปได้ จะพบว่าการทำโจทย์ และการอ่านหนังสือ ล้วนเป็นความท้าทายอย่างหนึ่ง ล้วนเป็นกิจกรรมที่สนุกสนาน ยิ่งกว่าการรวบรวมความกล้ากระโดดบันจี้จัมป์ลงจากโซฟาเสียอีก
ความท้าทาย และความรู้สึกว่าต้องแข่งขันกับตัวเองนี้ เป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้ข้าพเจ้าอ่านหนังสือไปได้ตลอดรอดฝั่ง แม้จะติดการ์ตูนอนิเมนิยายยิ่งกว่าชีวิตก็ตาม
สิ่งที่ข้าพเจ้าอยากจะบอกคือ "จงทำสิ่งที่อยากทำก่อนที่จะไม่ได้ทำ" (...ซะ)
ซึ่งมันไม่จำเป็นว่าต้องเป็นการอ่านหนังสือ แต่รวมถึงกิจกรรมอื่นที่ชอบด้วย ยึดถือบนความพอดีเป็นสำคัญ
หากยอมให้การอ่านหนังสือกัดกินชีวิตจิตใจจนเกินไป ย่อมเป็นทุกข์ เพราะสักพักจะหลงลืมความตั้งใจเดิม จะหลงลืมจุดมุ่งหมายในชีวิต หลงลืมทุกสิ่ง กลายเป็นคนไม่เต็มคน ทำสิ่งใดก็ไม่รอด เพราะชีวิตรู้จักแต่การอ่านหนังสือเพียงอย่างเดียว อย่างอื่นไม่รู้จัก ชีวิตต้องการอะไรก็ยังไม่รู้
หากไม่อ่านหนังสือแล้วมัวแต่ทำกิจกรรมที่ชอบอย่างเดียว อันนี้ นอกจากจะเป็นทุกข์แล้ว ยังเรียกได้ว่า ไม่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ไม่มีความรับผิดชอบ เป็นแต่คนขี้แพ้ที่ไม่อาจห้ามใจกระทั่งสิ่งที่จำเป็นต่ออนาคต เอาแต่หาข้ออ้างสร้างความชอบธรรมให้ความขี้เกียจของตนไปวันๆเท่านั้น
สมาธิคือปัจจัยสำคัญ สมาธิของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป บางคนอาจมีสมาธิเมื่อได้วาดรูป เมื่อได้เขียนนิยาย เมื่อได้นั่งเฉยๆ หรืออื่นๆ สมาธิของข้าพเจ้าจะเกิดขึ้นเมื่อใดก็ไม่ทราบ แต่แน่ใจว่าจะบังเกิดทุกครั้งในห้องสอบ
เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกทั้งมวลจะถูกยับยั้ง ความคิดประเภท "เห้ย มันคืออะไร ตอบอะไรเนี่ย แย่แล้ว ว้ากกกกก กว๊ากกกกกกกก แว้กกกกกกกกก แกว๊กซ์" จะหายวับไป เหลือแต่ความนิ่งสงบ ความว่างเปล่า ความปลงต่อชีวิต และรับรู้ถึงความเป็นอนิจจัง ว่าเรานั้นอ่อนด๋อยเพียงใด หลังจากนั้น สรรพเสียงจะดับไปจากโสตสัมผัส สรรพความหนาวจะมลายไปจากผิวหนังสัมผัส แม้ไม่ได้ใส่เสื้อหนาว เมื่อมีสมาธิดังนี้ โอกาสในการเดาย่อมเพิ่มขึ้น เพราะเรามีสติ เพราะเราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เพราะเราสามารถประมาณตนว่าปัจจุบันขณะมีสภาวะอย่างไร
ก็เป็นดังนี้ นี่แล.
(เอาสำนวนเทศนาโวหารมาใช้ตอบอะไรไร้สาระแบบนี้คงไม่ว่ากันเนอะ กร๊ากกกกกก ;D ;D ;D)
-
ถ้าคิดว่าการอ่านมันจำเป็นสุดๆ ไม่อ่านเลยแล้วจะตายดับอนาถคาสี่แยกอินโดจีน
มันเป็นแยกด้วยเหรอ ???
แต่แน่ใจว่าจะบังเกิดทุกครั้งในห้องสอบ
เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ความรู้สึกทั้งมวลจะถูกยับยั้ง ความคิดประเภท "เห้ย มันคืออะไร ตอบอะไรเนี่ย แย่แล้ว ว้ากกกกก กว๊ากกกกกกกก แว้กกกกกกกกก แกว๊กซ์" จะหายวับไป เหลือแต่ความนิ่งสงบ ความว่างเปล่า ความปลงต่อชีวิต และรับรู้ถึงความเป็นอนิจจัง ว่าเรานั้นอ่อนด๋อยเพียงใด หลังจากนั้น สรรพเสียงจะดับไปจากโสตสัมผัส สรรพความหนาวจะมลายไปจากผิวหนังสัมผัส แม้ไม่ได้ใส่เสื้อหนาว เมื่อมีสมาธิดังนี้ โอกาสในการเดาย่อมเพิ่มขึ้น เพราะเรามีสติ เพราะเราไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เพราะเราสามารถประมาณตนว่าปัจจุบันขณะมีสภาวะอย่างไร
เฮ้ย เหมือนในอิมเมเลย 8) ความฝันร้ายที่ไม่อาจตื่นได้ ระฆังหมดเวลาเท่านั้นที่อาจปลุกเราจากฝัน
แต่มันก็ยังตามหลอกหลอนในใบเกรด เซง :-X
-
ขอบคุณมากครับ จะตั้งใจเพื่อพ่อแม่ :-[
-
ของเอื้อฮามาก ๆ โดยเฉพาะย่อหน้าสุดท้าย เขียนได้เป็นเรื่องเป็นราว อ่านแล้วเห็นภาพตัวเองในห้อง HALL กำลังนั่งเกาหัวครืด ๆ กับความโง่เขลาเบาปัญญา
เวลาที่พี่อ่าน พี่จะเริ่มอ่านจริง ๆ จัง ๆ เที่ยงคืนไปจนกระทั่งเพลียหรือง่วง ปกติก็ไม่เกินตีสี่หรอก ถ้าวันไหนคึกจัด ๆ (น้อยมาก) อาจได้เรื่อย ๆ ถึงหกโมงเช้า แล้วก็ไปหาโจ๊กหน้าปากซอยกิน แล้วค่อยมานอน ทำแบบนี้ตอนปิดเทอม แล้วก็ช่วงระหว่างสอบปลายภาคเทอมปลายจบ รอสอบ A-net
เหตุผลที่ทำแบบนี้ก็เพราะว่าทุกคนหลับหมดแล้ว ไม่มีใครให้เราชวนคุย ไม่มีใครชวนเราคุยด้วย ไม่มีเสียงแม่ไล่ไปล้างจาน ไม่มีเสียงแม่เรียกไปกินข้าว นอกจากนี้รอบ ๆ ตัวก็จะมืดและเงียบสงัดด้วย ไม่มีเสียงหมาข้างบ้านเห่า และไม่มีเสียงตอกเสาเข็มแถวบ้านอีกด้วย จึงเป็นเวลาที่มีสมาธิมากที่สุดในรอบวัน
ส่วนถ้ามีอะไรที่อยากทำ เช่นอยากดูทีวี อยากไปซื้อขนมปากซอย ก็จะทำให้เสร็จก่อน หรือแม้กระทั่งเล่นเกม ก็จะเล่นจนกว่าจิตใต้สำนึกจะเตือนมาเองว่า ถ้าเล่นต่อคะแนนดับอนาถแน่ ๆ ก็จะหยุดเล่นแล้วไปอ่านเอง เพราะถ้าไม่งั้นจะไม่มีสมาธิเลย ว้าวุ่นอยู่กับสิ่งที่อยากทำแต่ไม่ได้ทำตลอด
และเรื่องสุดท้ายคือเรื่องคาเฟอีน ไม่แนะนำให้ใช้ไม่ว่ากรณีใด ๆ เพราะถึงแม้หนังตาจะไม่ปิดลงมา แต่สมองก็เละเป็นวุ้นไปแล้ว ไม่สามารถรับอะไรเพิ่มเติมเข้าไปได้อีก ทำให้ต้องอ่านบรรทัดเดิมซ้ำไปซ้ำมาสามสี่รอบ แล้วสุดท้ายก็ไม่เข้าใจหรือจำไม่ได้อยู่ดี แนะนำว่าถ้าง่วงก็นอน และนอนให้พอด้วย ไม่ใช่สองหรือสามชั่วโมงให้พอหลอกตัวเองได้ว่าได้นอนแล้ว แบบนั้นก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเช่นกัน
ขอให้น้องโชคดีกับการอ่านหนังสือสอบครับ
-
ขอบพระึคุณมากๆ ครับ
แล้วถ้าอ่านชีวะ ไม่ค่อยเข้าใจหรือถนัด เพราะมันเป็นภาษาอังกฤษมีเทคนิคการอ่าน หรือจำชีวะบ้างไหมครับ
อยากถามพี่ๆๆ ที่ได้ยินเสียงรบกวนไม่ว่าจะเป็น รถ หมาหอน ฯลฯ จะทำยังไงไม่ให้สนใจเสียงพวกนี้ครับ ซึ่ง
เสียงพวกนี้ทำให้ สมาธิขาดอยู่ตลอดเวลาเลยครับ ทั้งวันทั้งคืน เฮ้อ :(
-
เอ๋อ!
แล้วถ้าไม่ค่อยมีพื้นฐาน ม.ต้นสักเท่าไหร่มีผลกระทบต่อการสอบ ent หรือเปล่าวครับ
แล้วจะต้องแก้ไขส่วนนี้ยังไงถ้าหากเกิดผลกระทบ ?
ขอบพระคุฯณอีกครั้งนะครับ ^_^ ::)
-
ขอบพระึคุณมากๆ ครับ
แล้วถ้าอ่านชีวะ ไม่ค่อยเข้าใจหรือถนัด เพราะมันเป็นภาษาอังกฤษมีเทคนิคการอ่าน หรือจำชีวะบ้างไหมครับ
อยากถามพี่ๆๆ ที่ได้ยินเสียงรบกวนไม่ว่าจะเป็น รถ หมาหอน ฯลฯ จะทำยังไงไม่ให้สนใจเสียงพวกนี้ครับ ซึ่ง
เสียงพวกนี้ทำให้ สมาธิขาดอยู่ตลอดเวลาเลยครับ ทั้งวันทั้งคืน เฮ้อ :(
ถ้าน้องอ่านที่เป็น textbook แล้วยังไม่เข้าใจ บางทีมันอาจจะลึกไป, บางทีภาษาน้องอาจจะยังไม่แข็งแรงพอ
ลองต่ออีกหน่อย แต่ถ้ามันช้าจนไม่ไหวละ หาหนังสือภาษาไทยมาอ่านก็ได้นะ
ส่วนเรื่องเสียง พี่พอตัดๆได้บ้าง แบบมันใกล้สอบละก็บอกตัวเองว่า เพ่งเฉพาะหนังสือตรงหน้าไรงี้อ่ะ (เอ่อ เคยเห็นมีคนใส่ที่อุดหูด้วยนะ)
เอาจริงๆ เสียงรอบข้างอาจจะไม่รบกวนมาก แต่เราแค่เห้ย ต้องรีบอ่านสอบ เวลาก็น้อย ง่วงก็ง่วง จำก็เบลอๆ นอนก็ไม่พอ ยังมาเจอเสียงอะไรอีกเนี่ย
ซึ่งมันก็รบกวนบ้าง แต่จะมากน้อยขึ้นกะคน ซักพักก็ชินอ่ะ 55+
แล้วถ้าไม่ค่อยมีพื้นฐาน ม.ต้นสักเท่าไหร่มีผลกระทบต่อการสอบ ent หรือเปล่าวครับ
แล้วจะต้องแก้ไขส่วนนี้ยังไงถ้าหากเกิดผลกระทบ ?
ขอบพระคุฯณอีกครั้งนะครับ ^_^ ::)
ในความคิดส่วนตัว (เน้นว่า ส่วนตัวนะน้อง) อย่างเลขเป็นอันนึงที่เห็นผลชัดเจนมาก
ถ้าน้องทำพวก ม.ต้น ไม่ได้พอต่อ ม.ปลาย จะยากมาก เช่น แก้สมการไม่คล่อง, ยังไม่รู้ว่าสูตรตรีโกณมีอะไรบ้าง, ไม่เข้าใจเลขยกกำลัง เป็นต้น
เพราะ บางเรื่องของ ม.ปลาย จะเป็นการต่อยอดต่ออ่ะ
แต่ถ้าบางอันเนื้อหามันก็ซ้ำ ม.ต้น บ้าง เช่น สังคม ก็รอเรียนตอน ม.ปลาย ใหม่เลยก็ได้
แต่ถ้าอังกฤษเนี่ย พี่ว่ามันก็ไม่มีระดับชั้นอยู่แล้วป่ะ ถ้าคิดว่าตัวเองยังไม่เก่ง ก็ทำให้ตัวเองเก่งขึ้น
วิธีการมีหลากหลาย ใครชอบอ่านเองก็หาหนังสือมาอ่าน ถ้าอ่านไม่ไหว ก็ลงเรียนพิเศษ ไรงี้
-
แล้วสำหรับผมนั้น
ยังไงล่ะ! บอกไม่ถูก
การที่จะเริ่มเกี่ยวกับคณิตศาสตร์ ต้องเริ่มจากตรงไหนครับ
พอลงเรียนแล้ว โอเค เข้าใจพอสมควร แตนับวันมันก็เลือนๆ หายไป
แล้วมันจะลางๆ ในหัวของเรา
จะเริ่มอย่างไรดีครับพี่ๆ
-
ถ้าจะเริ่มเลขจากตรงไหน ก็อยากให้เิริ่มจากสิ่งที่ตัวเองอ่อนก่อนอ่ะ
เช่น พวกกลุ่มแก้สมการ (กำลัง 1, กำลัง 2) ก็ต้องทำพวกพหุนาม และการแยกตัวประกอบเป็น ไรงี้
น้องก็ทบทวนเป็นกลุ่มๆ เอาอ่ะ
แล้วเลขอ่ะ พี่ว่าเรียนเข้าใจ พอทำได้ มันยังไม่พออ่ะ ต้องหาโจทย์มาทำเพิ่ม
จริงๆ ถ้าน้องเป็นปุถุชนธรรมดา โจทย์อารมณ์ซัก ent, anet ก็สูสีฝีมือแล้วนะ
บางทีไม่ลองทำ มันก็นึกไม่ออกเหมือนกันว่า ตัวเองจะทำไม่ได้ตรงไหน ทั้งๆที่เข้าใจ
ส่วนเรื่องเรียนแล้วลืมเป็นธรรมดา (กับทุกวิชา และคนส่วนใหญ่ ?) ก็อ่านทวนๆ
แต่ถ้าเรียนแล้วยังไม่เข้าใจมันคนละเรื่องกันนะ อันนี้ต้องปรับพื้นด่วนน !!
:)
-
แล้วการปรับพื้นเนี่ย!
ลงเรียนกับเด็กๆ หรือทบทวนเองดีครับ
แล้วทบทวนเอง เริ่มจาก สิ่งไหนก่อน?
แล้วการสร้างพื้นฐานจะเริ่มจากหนังสือเล่มไหน (โจทย์หรือว่าเนื้อหา)
หากจะว่าอย่างงั้น ผมเองก็ ไม่เข้าใจของ ม.ต้นเลย เพราะ
ช่วงนั้นเล่นมาก ไม่ค่อยสนใจการเรียนกับเขาสักเท่าไหร่นัก
แต่ผมพึ่งมารู้สึกตัวเองไม่นานมานี้ว่า
เราต้องขยันแล้วนะ แต่ผมเองนั้นไม่รู้จะเิร่มอย่างไรดี
ตอนนี้ก็ทำโจทย์ความถนัดเล่นๆ
ตอนแรกตะกี้ไม่นานลองอ่านชีวะ แล้วทำโจทย์
ซึ่งเมื่อผมทำโจทย์แล้วน่ะ อ่านเนื้อหาแล้วมาทำโจทย์ มันก็. . .. . . ในโจทย์มันไม่ตรงกับเนื้อหาสักนิดเลยอ่าครับ (เล่มเขียว พ.ศ)
ส่วนของพี่เต้นผมมึนๆ อ่ะครับ เพราะภาษาอังกฤษเยอะเกิน(แถมไม่แปลให้ด้วยบางที) ทำให้รู้สึก เคลียด เบื่อนิดๆ (ผมก็ไม่ค่อยมีพื้นภาษาเท่าไหร่นัก)
อ่านก็อ่านออกอยู่แล้วแต่ มันติดตรรงที่แปลไม่ได้ด้วยนี่สิ ???
แต่ยังๆ ไงๆ ก็ขอบคุณพี่ มากๆ ที่ตอบคำปรึกษาที่ผมได้ถามไป
8)
-
เรื่องปรับพื้น
่ถ้าจะลงเรียน เห็นบางที่มีคอร์สปรับพื้นก่อนขึ้น ม.ปลาย
ถ้าเลือกหนังสือ มันก็ต้องอ่านเนื้อหาก่อนป่ะ ไม่งั้นจะทำโจทย์ได้ไงอ่ะ
ตอน ม.ต้น อาจจะสนุกไปหน่อยไม่ค่อยได้เรียนเท่าไร ตอนนี้ปิดเทอมยังมีเวลาอีกซักเดือนครึ่งได้ ก็รีบอุดรูรั่วซะน้อง
-
เรื่องปรับพื้น
่ถ้าจะลงเรียน เห็นบางที่มีคอร์สปรับพื้นก่อนขึ้น ม.ปลาย
ถ้าเลือกหนังสือ มันก็ต้องอ่านเนื้อหาก่อนป่ะ ไม่งั้นจะทำโจทย์ได้ไงอ่ะ
ตอน ม.ต้น อาจจะสนุกไปหน่อยไม่ค่อยได้เรียนเท่าไร ตอนนี้ปิดเทอมยังมีเวลาอีกซักเดือนครึ่งได้ ก็รีบอุดรูรั่วซะน้อง
ลองดูหนังสือสรุปวิชา สังคม ม.ต้น ของพี่Pipeด้วยน้า อิอิอิ (ที่มีรูปวาด หน้าคนอยู่บนปกอ่า)
ผมลองเปิดอ่านดูแล้วสนุกดี แต่เนื้อหาเยอะจัง อิอิอิ
ขอค่าโปรโมตด้วยน้า พี่Pipe อิอิอิ
-
เรียนม.ปลายให้รู้เรื่องไม่ต้องมีพื้นม.ต้นมากก็เรียนได้ครับ ตอนพี่ม.ต้นพี่ก็โดดเรียนเข้าร้านเกมเป็นประจำ แล้วค่อยมาตั้งใจตอนม.ปลาย ก็ไหวอยู่นะ
แต่เน้นว่าให้ทุ่มกับม.ปลายหน่อยนะ
ปล. ตัวอย่างที่ไม่ดี ? เปล่าครับ ผมกำลังจะสื่อว่า 'จะเข้าคณะนี้ไม่ได้ต้องขยันเรียนมากขนาดที่หลาย ๆ คนกลัว' จากที่เห็นน้องคนหนึ่งตั้งกระทู้ว่าไม่เคยเข้าค่ายจะติดคณะนี้ไหม
-
เรียนม.ปลายให้รู้เรื่องไม่ต้องมีพื้นม.ต้นมากก็เรียนได้ครับ ตอนพี่ม.ต้นพี่ก็โดดเรียนเข้าร้านเกมเป็นประจำ แล้วค่อยมาตั้งใจตอนม.ปลาย ก็ไหวอยู่นะ
แต่เน้นว่าให้ทุ่มกับม.ปลายหน่อยนะ
ปล. ตัวอย่างที่ไม่ดี ? เปล่าครับ ผมกำลังจะสื่อว่า 'จะเข้าคณะนี้ไม่ได้ต้องขยันเรียนมากขนาดที่หลาย ๆ คนกลัว' จากที่เห็นน้องคนหนึ่งตั้งกระทู้ว่าไม่เคยเข้าค่ายจะติดคณะนี้ไหม
แต่เข้ามาแล้วต้องขยันนี่สิ ;)
-
เรื่องปรับพื้น
่ถ้าจะลงเรียน เห็นบางที่มีคอร์สปรับพื้นก่อนขึ้น ม.ปลาย
ถ้าเลือกหนังสือ มันก็ต้องอ่านเนื้อหาก่อนป่ะ ไม่งั้นจะทำโจทย์ได้ไงอ่ะ
ตอน ม.ต้น อาจจะสนุกไปหน่อยไม่ค่อยได้เรียนเท่าไร ตอนนี้ปิดเทอมยังมีเวลาอีกซักเดือนครึ่งได้ ก็รีบอุดรูรั่วซะน้อง
ลองดูหนังสือสรุปวิชา สังคม ม.ต้น ของพี่Pipeด้วยน้า อิอิอิ (ที่มีรูปวาด หน้าคนอยู่บนปกอ่า)
ผมลองเปิดอ่านดูแล้วสนุกดี แต่เนื้อหาเยอะจัง อิอิอิ
ขอค่าโปรโมตด้วยน้า พี่Pipe อิอิอิ
ขอบคุนที่โฆษณาให้นะค้าบ :D
พี่กันเด๋วผมให้ 10% แต่พี่อุดหนุนผมก่อนละกัน 55+
กันเองๆ เล่มละ 500 ;D
-
ขอบคุณมากครับ
แล้วพอจะแนะนำได้ไหมจะเริ่มจากตงไหนดีครับ ????
ผมเป็นคนเข้าใจยากนิดหนึ่งๆ ทนๆ กับน้องคนนี้หน่อยละกันครับ :P
-
พี่ว่า เริ่มจากหาให้ได้ก่อนว่าตัวเองอ่อนตรงไหน
How to? ทำโจทย์แล้วติดขัดตรงไหนที่เป็น basic หรือ อ่านหนังสือแล้ว ไม่เข้าใจตรงที่มันเป็น basic
รู้แล้วอ่ะพี่ว่าตัวเองมีรูรั่วตรงไหน แล้วทำไงต่อล่ะทีนี้
How to?
1. หาหนังสือมาอ่าน (น้องก็วางแผนว่ามีวันกี่วัน มีกี่บทที่ต้องเก็บ แล้วก็อ่านตามนั้น หลังอ่านอาจจะลองทำโจทย์ในบทนั้นดูว่าเราเข้าใจจริงป่ะ)
Pro นั่งอ่าน นอนอ่าน เบื่อก็พัก ได้ ประหยัดตังค์กว่า
Con บางทีมันก็อ่านไม่ได้ตามแผน, บางเรื่องอ่านเองยาก ไรงี้
2. ลงเรียนพิเศษ (อันนี้คนสอนเค้าวางแผนให้เราละ แค่เราเลือกคอร์สที่ตรงกะเรามากที่สุด)
Pro ได้เรื่องที่ครอบคลุม + จำเป็น (ในความคิดคนสอน) ในเวลาที่แน่นอน
Con เปลืองตังค์ ต้องตื่นเช้าไปเรียนเป็นรอบๆ
:)
-
เอ่อ???
ผมลงแล้วก็รู้สึกว่าไม่มีไรเปลี่ยนแปลง
สงสัยมันเป็นเพราะตัวผมเองเรียนมาแล้ว ก็ปล่อยมันไว้เลย(ทวนดูเท่าไหร่ก็ไม่รู้สักที
แล้วจะเิร่มจากโจทย์ ent หรือว่าทั่วไปๆ ดีคับ อยากไ้ด้แบบเป็นสเต็ปๆ
ขอบคุณพี่/??มากครับ
-
พยายามกำหนดตัวเองให้อ่าน
เช่น นั่งสบายๆ ทำใจเย็น ลองท่องในหัวว่า 'กรุจะอ่านหนังสือ'
เป็นการสะกดจิตตัวเอง แล้วเข้าไปนั่งอ่าน
แค่ใจตัวเองแค่นี้คุณยังเอาชนะไม่ได้ แล้วคนที่จะมาสอบแพทย์ล่ะ คุณจะเอาชนะเขาได้หรอ ?
[credit : K'somsri:)) ]
กำลังจะขึ้น ม.ไหนล่ะคะ ??
จะได้แนะนำถูก
-
ม. 5 แล้วครับ เวลาเหลือมาก แต่จะปรับตัวเองอย่างช้าๆ
เด่วไม่ทันการครับ ;D
-
ขึ้น ม. 5 ก็ควรฟิตไว้เยอะนะคะ :)
ควรอ่านหนังสือให้จบ ม.6ภายใน ม.5 นี่แหละ
เรียนพิเศษช่วยได้ค่ะ ^^
แบ่งเวลาให้ดีนะ
- อ่านให้จบ
- ทำโจทย์รายบท
- ทำโจทย์เอนท์รวม
อย่าคิดว่าเหลือเวลาเยอะนะคะน้อง
" กับดักพี่พร้อมเล่นงานเราได้เสมอ ..คือ ความเชื่อว่าพรุ่งนี้ยังมีเวลา"
-
ครับผมก็ไม่ว่าเยอะหรอกครับพี่ๆ เขาว่าเหลือเฝือ
ซึ่งผมเองก็ปรับตัวเองมาตลอดเช่นกัน
แต่มันก็ยังชนะใจตนเองไม่ได้
พยายาม และทำมาตั้งแต่ ม.4 แหละครับ
เวลาเหลือน้อยเกินทน
ยังไงก็ขอบคุณมากนะครับ
-
เย้ๆๆๆ จะสอบแล้ว ;D :D