Docchula Community

แก่แล้ว อยากเรียนแพทย์ อ่านหนังสือประมาณนี้ พอจะสู้เด็กๆได้ไหมครับ

Dr.Lucacian

โอ้วว Ethics มาก ๆ ต่างคนต่างเหตุผล ไม่มีถูกไม่มีผิดขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองมุมไหน > <!!

ถูกครับต่างคนต่างสถานะมุมมองไม่เหมือนทำให้ความคิดไม่เหมือนแต่ไม่แตกแยกครับ ยอมรับฟังทุก ความคิดเห็น

เอาเป็นว่าไงก็สู้ๆๆครับ

KET

ยังไงก็ขอโทษพี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะถ้าหนูตอบอะไรที่มันไม่สมควร
หนูยังเด็กเกินไป อิอิ ต้องให้พวกพี่ ๆ ชี้แนะให้มากยิ่งขึ้นอ่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ

เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า อิอิ FIT FOR MDCU66  ;D
สู้ ๆ ทั้งเจ้าของกระทู้ + รุ่นพี่ที่ซิ่ว และ เพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันทุกนะคะ อิอิ

ปล.เดี๋ยวจะโปรโมตบอร์ดนี้ให้เพื่อนๆรู้ ขอค่านายหน้าด้วย 55555

Dr.Lucacian

ยังไงก็ขอโทษพี่ๆ ทุกคนด้วยนะคะถ้าหนูตอบอะไรที่มันไม่สมควร
หนูยังเด็กเกินไป อิอิ ต้องให้พวกพี่ ๆ ชี้แนะให้มากยิ่งขึ้นอ่ะค่ะ ขอบคุณนะคะ

เอาเวลาไปอ่านหนังสือดีกว่า อิอิ FIT FOR MDCU66  ;D
สู้ ๆ ทั้งเจ้าของกระทู้ + รุ่นพี่ที่ซิ่ว และ เพื่อน ๆ ในวัยเดียวกันทุกนะคะ อิอิ

ปล.เดี๋ยวจะโปรโมตบอร์ดนี้ให้เพื่อนๆรู้ ขอค่านายหน้าด้วย 55555

อ่านมากไปอาจทำให้สมอง ทำงานหนักเกินไปน่ะครับ

ผมว่า  พักบ้างก็ได้น่ะ การพักผ่อนทำให้สมองฟื้นฟู  จะได้มีที่เก็บความรู้ไว้ใช้จนแก่น่ะ

ไม่ใช่ ไม่ทันแก่ สมองไปซะก่อน แบบนั้นแย่เลย

ถ้ามีความสุขก็ทำไปเถอะครับ แต่ควรคิดให้รอบคอบก่อนนะ
ทุกสิ่งล้วนเกิดแต่เหตุ มีเหตุก็เกิด หมดเหตุก็ดับไปเป็นธรรมดา
http://sale-cheap-review.com/

แซม

 :-\บอกตรงๆเบื่อ อาไรก็หมอ อาไรก็ หมอ หมอนี่มันมีคุณค่ามากกว่าอาชีพอื่นตรงไหนนักวิจัยช่วยเหลือมนุษย์ไม่ได้หรา วิศวกรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ได้หรอ จายึดติดกันไปทำไมนักหนา ลองมองดีๆ หมอก็แค่คนธรรมดาคน หมดลมเมื่อไรก็หมดกัน ใช้ชีวิตให้สบายๆมีความสุขเหอะ
ไม่รำคาญกันบ้างหรา

   ปล.ไม่ใช่หรอกค่อนข้างเฮริทที่บอกว่าเป็นนักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้ พอดีเป็นนักวิจัยซะด้วยของเลยขึ้น อยากจาบอกว่าถ้าไม่มีวิชาชีพของพวกฉันเนี่ยการแพทย์มันจะวิวัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้ไหมคะคุณว่าที่ นศพ.แพทย์คะ(ว่าที่จริงรึเปล่า)
    สุดท้ายเก็บไปคิด อาชีพหมอกับคนกวาดถนนในสายตาของเจ้าของกระทูมีคุณค่าเท่ากันหรือป่าว >:(

Offline Baros™ 『バーロス』

  • Baros™
  • *
  • 10623
  • 122
  • Baros™
:-\บอกตรงๆเบื่อ อาไรก็หมอ อาไรก็ หมอ หมอนี่มันมีคุณค่ามากกว่าอาชีพอื่นตรงไหนนักวิจัยช่วยเหลือมนุษย์ไม่ได้หรา วิศวกรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ได้หรอ จายึดติดกันไปทำไมนักหนา ลองมองดีๆ หมอก็แค่คนธรรมดาคน หมดลมเมื่อไรก็หมดกัน ใช้ชีวิตให้สบายๆมีความสุขเหอะ
ไม่รำคาญกันบ้างหรา
จริงครับ อาชีพไหนก็มีคุณค่าทั้งสิ้น ตราบใดที่ทำงานโดยยึดประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก และผมก็เชื่อว่าคุณเจ้าของกระทู้คิดเช่นนี้

แต่จากที่ผมอ่าน เจ้าของกระทู้เขาพยายามจะสื่อว่าเมื่อเทียบระหว่างการทำงานวิจัยกับการเป็นแพทย์ให้ความรู้สึกต่างกันโดยจุดหนึ่งที่สำคัญก็คือเจ้าของกระทู้คิดว่าการทำงานในฐานะแพทย์นั้น เราสามารถเห็นผลจากงานของเราได้ทันที

มากกว่าการเปรียบเทียบว่าอาชีพอะไรดีกว่าอะไรครับ :)

ถ้าไม่มีวิชาชีพของพวกฉันเนี่ยการแพทย์มันจะวิวัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้ไหมคะ
ถ้าไม่มีงานวิจัย การแพทย์ก็ไปไม่ได้หรอกครับ :)
A book, tightly shut, is but a block of paper.

Offline Gun

  • *
  • 987
  • 39
:-\บอกตรงๆเบื่อ อาไรก็หมอ อาไรก็ หมอ หมอนี่มันมีคุณค่ามากกว่าอาชีพอื่นตรงไหนนักวิจัยช่วยเหลือมนุษย์ไม่ได้หรา วิศวกรช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ได้หรอ จายึดติดกันไปทำไมนักหนา ลองมองดีๆ หมอก็แค่คนธรรมดาคน หมดลมเมื่อไรก็หมดกัน ใช้ชีวิตให้สบายๆมีความสุขเหอะ
ไม่รำคาญกันบ้างหรา

   ปล.ไม่ใช่หรอกค่อนข้างเฮริทที่บอกว่าเป็นนักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้ พอดีเป็นนักวิจัยซะด้วยของเลยขึ้น อยากจาบอกว่าถ้าไม่มีวิชาชีพของพวกฉันเนี่ยการแพทย์มันจะวิวัฒนาการไปได้ถึงขนาดนี้ไหมคะคุณว่าที่ นศพ.แพทย์คะ(ว่าที่จริงรึเปล่า)
    สุดท้ายเก็บไปคิด อาชีพหมอกับคนกวาดถนนในสายตาของเจ้าของกระทูมีคุณค่าเท่ากันหรือป่าว >:(

ใช่ครับ
จริงๆแล้ว คุณแม่ของผมก็เป็นนักวิจัย (นักเคมี) มาหลายสิบปีแล้ว
ผมก็เลยพอจะทราบถึงความรักความทุ่มเทที่มีต่องาน ของผู้ที่เป็นนักวิจัย
และผมก็ศรัทธาในงานของอาชีพนักวิจัยมากๆ  และอยากจะเป็นนักวิจัยที่ดีด้วย
ดังนั้น ผมเองก็รู้สึกแปลกๆกับคำว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" เช่นกัน

ในอีกแง่หนึ่ง ผมคิดว่าการที่นักวิจัยรุ่นอาวุโสแนะนำนักวิจัยรุ่นใหม่เช่นนี้ เป็นเรื่องที่น่ารักน่าชื่นชมมากครับ
อย่างน้อยก็ทำให้ผมเองได้ระลึกว่าคุณค่าของเราไม่ได้อยู่ที่การมีอะไรดีกว่าคนอื่น แต่อยู่ที่การทุ่มเทแรงกายแรงใจให้แก่งานของเรา เพื่อสร้างคุณค่าแก่สังคม

ปล. จขกท เค้าคงไม่มีเจตนาจะลบหลู่ครับ คงเพียงแค่ใช้คำที่ล่อแหลมต่อการตีความในเชิงลบครับ

Offline Plub42~63

  • *
  • 305
  • 6
เป็นกำลังใจให้สำหรับพี่เจ้าของกระทู้นะคะ ถ้าเป็นการตัดสินใจที่พี่คิดว่าดีที่สุดแล้ว(ยังไงพี่ก็รู้ปัจจัยการตัดสินใจของตัวเองดีที่สุดอยู่แล้ว) เดินหน้าเต็มกำลังเลยค่ะ ::)

สำหรับเรื่องเตรียมตัวสอบ ขออ้างประโยคเด็ดจากรุ่นพี่นะคะ "น้องไม่จำเป็นต้องอ่านตลอดเวลาที่ตื่น แต่น้องต้องตื่นตลอดเวลาที่อ่าน"

การเตรียมตัวสอบสำหรับตัวหนูเองเนี่ย อาศัยว่าตั้งใสม่ำเสมอตอนเรียนในห้อง แล้วถึงเวลาทวนก็เลยทวนได้เร็ว+ได้ผลดี

ถ้าเทียบกับพี่ที่ทำอยู่ก็คือ อ่านตอนนี้เหมือนกำลังตั้งใจเรียนอยู่ แต่จิงๆก็อยู่ที่โค้งสุดท้าย ว่าตอนนั้นใครจะแน่นกว่ากัน ประเมินด้วยการทำโจทย์เยอะๆละกันค่ะ

เมื่อสามปีที่แล้วเนี่ย หนูวิชาไหนที่คิดว่าอ่อนก็เน้น  ถ้าท้อก็ทำวิชาที่ทำได้ จะได้มีกำลังใจอะ

อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะคะที่สำคัญที่สุด ::)

กวาง

เอ รู้สึกว่า คำว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" มันไม่ใช่คำพูดของผมนี่นา

ผมบอกว่าไม่อยากเป็นนักวิจัยแก่ๆ เฉยๆครับ ซึ่งคำๆนี้มันก็ออกมาจากใจจริง เพราะตัวกระผมเอง คิดว่าคงเป็นนักวิจัยที่ดีได้ยากครับ
(ถ้าเคยอยู่ในวงการนี้จะรู้ว่า นักวิจัยเทพๆ เก่งจริงๆ น่ะมีไม่เท่าไหร่หรอกครับ ส่วนใหญ่ก็ทำวิจัยหวังผลงานเลื่อนขั้น กับเงินส่วนแบ่งนักวิจัย 10% ทั้งนั้น)

และคิดว่าถ้าได้เป็นนักวิจัย ผมคงไม่ใช่นักวิจัยที่เก่งกาจอะไร แต่ถ้าให้ทำงานไปตามหน้าที่ ผมคิดว่าผมได้ดีแน่ๆครับ

ผมเองยกย่องนักวิจัยหลายคน ในหลายๆสายงาน แต่ก็ต้องยอมรับความจริงครับว่าไม่ใช่นักวิจัยทุกคนจะทำไปเพื่อแสวงหาความรู้ใหม่ๆ
เกินครึ่ง ทำไปเพราะเรื่องตำแหน่ง ผลงาน และเงินทั้งนั้นครับ

ดังนั้น คำพูดที่ว่า "นักวิจัยแก่ๆที่ไม่สามารถพัฒนาวิชาชีพได้" น่ะมีอยู่จริงแน่นอน และผมก็ไม่ปราถนาจะเป็นแบบนั้นครับ

โปรดอย่าเข้าใจผิด ว่าผมดูถูกนักวิจัย หรือการวิจัย ผมเป็นเด็กวิทยาศาสตร์เต็มขั้น และรู้อยู่เต็มอกครับว่าประเทศชาติจะเจริญไม่ได้เลย ถ้าไม่มีการวิจัย แต่คำว่า "นักวิจัยที่เก่งและดี" กับ คำว่า"นักวิจัยเอื้ออาทร" ผมว่ามีความหมายต่างกันพอสมควรครับ

มันก็เหมือนกับคนที่ภูมิใจนักหนากับคำว่า ดร. ที่นำหน้าชื่ออยู่้ แต่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แสตท เมทาโด แอปแสตร็ค ยังต้องไปจ้างคนอื่นทำให้ นักวิจัยจอมปลอมก็มีลักษณะเหมือนกันครับ

จูน

 :-*ขอนับถือในความกล้าหาญของ จขกท.ค่ะ  เพราะถ้าลองมองๆดูแล้วน้อยคนนะค่ะที่จะกล้าตัดสินใจแบบนี้  ต้องกลับไปเริ่มชีวิตมหาลัยใหม่ ซึ่งเวลาเหล่านั้นคุณอาจจะมีครอบครัวไปแล้ว  จูนเคยเห็นหลายๆคนทำงานไปแบบว่า ใช้ชีวิตไปวันๆขอแค่ให้ได้เงินเดือนก็พอ  แต่ไม่ได้มีความสุขกับจุดๆนั้นเลย  ซึ่งดูแล้วมันน่าเศร้านะค่ะ
  ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้ จขกท. ค่ะ เพราะจูนก็กำลังเอนท์เข้าคณะแพทย์ปีนี้เหมือนกัน(แต่คิดว่าคงจะไม่ได้ เพราะพึ่งมาเริ่มอ่านหนังสือ มัวไปแลกเปลี่ยนเมืองนอกอ่าาา) แต่ถึงไม่ได้ปีนี้ก็รอปีหน้า จะพยายามจนกว่าจะได้  แล้วจะรอเจอ จขกท. นะคะ มาเป็นแพทย์จุฬาด้วยกัน ถ้าไม่ได้รุ่น 66 ก็ 67 ไม่ก็ 68 สักวันมันต้องสำเร็จค่ะ  เพื่อสิ่งที่เรารักที่จะทำมัน  เหนื่อยแค่ไหน ต้องรออีกนานแค่ไหนก็ยอม  :'(


                                                                                                                                            มามะ มาสู้ไปด้วยกัน  ;D

กวาง

^
^
^
คิดเหมือนกันเลย ครับ
ตอนนี้ได้บรรจุเป็นข้าราชการแล้วเมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา (สู้เกือบตาย กว่าจะได้บรรจุที่เดิม  :P)

ถ้าสอบแพทย์ติด ก็ลาเรียนได้ ไม่ต้องรบกวนเงินทางบ้าน (เห็นเค้าว่าสาขาขาดแคลน มีโอกาสลาเรียนได้เลย ไม่ต้องรออายุงาน 2 ปี)
แต่ปีนี้คงไม่ติดครับ เพิ่งอ่านทฤษฎีจบไปเอง ยังมึนๆอยู่เลย อาจต้องซ้ำอีกรอบ แหะๆ :-X

แต่ก็คิดเหมือนความเห็นข้างบน ได้เริ่มออกเดินทางแล้ว สักวันมันต้องถึงจุดหมายสิน่า ถึงเราจะวิ่งไม่เร็วเหมือนคนอื่นๆเขา แต่เดินไปเรื่อยๆ ถ้าไม่หยุดเิดินไปซะก่อน มันก็ต้องถึงที่เข้าสักวัน

เรียนใหม่ ไม่ใช่การเสียเวลา แต่มันคือการหาประสบการณ์ให้ชีวิตต่างหาก

เป็นหมอให้ได้ , สอบ TOEFL ให้ผ่าน , เล่นกีตาร์ให้ได้

3 อย่างนี้ทำสำเร็จ ผมก็ภูมิใจในชีวิตที่เกิดมาแล้วครับ

teay

อืม จขกท.จบหมอเราคงใกล้จาจบเอกพอดีอะ :-X
ความคิดเห็นส่วนตัวของเรา ย้ำว่าของเรานะเราว่ามันเสียเวลามาก5ปีนี่ทำอาไรได้หลายอย่างเลยกลับไปเรียนป.ตรีใหม่นี่เราคงอกแตกตายแน่
แต่ยังไงเรื่องนี้ก็เปงการตัดสินใจของ จขกท.เองแหละจ้ะ ชีวิตเปงของเราซะอย่างอยากทำไรก็ทำ ก็มันชีวิตเรานี่เนาะ อยากจาทำอาไรอยากอยู่หรืออยากตายก็แล้วแต่ใจแต่ไม่จำเป็นต้องฝืนบนทางที่มันเกินกำลังนะเหนือ่ยนักก็พักก่อน แต่ถ้าตัดสินใจและคิดว่าดีแล้วก็ลุยเลย ไม่ต้องไปแคร์ใครโดยเฉพาะอิพวกเด็ดเฟรชชี่ สตอทั้งหลาย คิดเอาไว้ว่าก็กุจาเรียนอะพวกเมิงจาทำไม เงินก็เงินเราไม่ได้ขอพ่อขอแม่มานมาเรียนซักกะหน่อย ขอฝากถึงอิพวกเฟรชชี่บางตัวที่ชอบจับผิดเด็กซิ่ว ว่าเค้าว่าแก่มั่งไม่สดมั่ง มัวแต่มานั่งจับผิดคนนู้นแก่คนนี้แก่ ชาตินี้ไม่ต้องทำมาหาแด๊กแล้วอิ เด็ก ช้างขย่ม

อุ๊ยโทดอะลืมตัว     :(        พอดีตอนอยู่ปี1รุ่นเดียวกันมันมาเรียกเราพี่ เจ็บ................................. :-X

Offline wichu

  • *
  • 61
  • 1
อย่า อย่าหยุดยั้งก้าวไปในสิ่งที่หมาย

อ่านเสร็จคิดถึงตัวเอง เราก็เรียนป.ตรีสองครั้งอะ ครั้งแรกก็กายภาพ(PT) ได้ปริญญามา(ตอนนี้ยังงงว่าเอาไปไว้ตรงไหน) มาต่อหมอ ตอนนี้ถ้าไม่มีอะไรผิดเป้า ก็จะสำเร็จหมอ อิอิ เหนื่อยไหมเรียนกะเด็ก อยู่ที่เราเองว่าคาดหวังเท่าไร ถ้าประมาณตัวเองได้ก็สนุกอะ ถ้าหวังสูงก็ต้องเหนื่อยสูง ไม่มีอะไรได้มาฟรี ๆ อะ ยังไงก็ขอให้ทำตามใจต้องการอะ แต่อย่างหนึ่งก็คือว่าถามใจตัวเองให้ดี ๆ เพราะการจะให้โอกาสตัวเองเป็นครั้งที่สามอาจจะยากกว่านี้ อย่างที่เขาว่า(ไม่ทุกคนนะ)คนในอยากออกคนนอกอยากเข้าขอให้สำเร็จตามใจหวังนะ  8)  ::)

Offline aralejung

  • *
  • 145
  • 6
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้นะคะ
การเรียน 6 ปีนี้...ไม่ทำให้เสียเวลาหรอกค่ะ แต่ขึ้นอยู่กับว่า เจ้าของกระทู้ตั้งเป้าหมายในชีวิตว่ายังไง

จะแต่งงาน มีครอบครัวไหม
จบหมอแล้ว ต้องไปใช้ทุนที่ไหน ต้องเรียนต่อเฉพาะทางอะไรอีกรึป่าว

การรักษาของแพทย์ เห็นผลช้าก็มี ได้ผล..คนไข้หายดี คนไข้รอด..ก็ดีไป
แต่ถ้าเห็นผลช้า...คนไข้ไม่ดี ถึงขั้นเสียชีวิตล่ะคะ?? คุณต้องทำใจเตรียมรับสภาพนี้ให้พร้อมด้วยนะ
คนไข้บางคน...มาเร็ว...ไปเร็วมาก...
นึกภาพว่า "คุณ" เป็นคนเดียวในการดูแลรักษา เป็นคนที่เซ็นลายเซ็นสั่งการรักษาลงไป
เตรียมใจไว้ให้พร้อมด้วยนะคะ

ทุกอาชีพทำงานเกื้อหนุนกัน
แพทย์ ไม่สามารถทำงานสำเร็จได้ถ้าขาดคุณพยาบาล ผู้ช่วย นักเทคนิคการแพทย์ นักการภารโรง
ยาใหม่ๆ ข้อมูลใหม่ๆที่แพทย์อ่านและทราบได้ ก็มาจากงานวิจัย
ไม่มีงานไหนสำเร็จได้โดยกำลังแพทย์เพียงคนเดียว

รายได้ อาจฟังว่าดูดี แต่เทียบกับเวลาในการทำงานแล้ว แพทย์ทำงานหนักมาก...เวลาพักผ่อนน้อย...
หารออกมาเป็นรายได้ต่อชั่วโมงแล้วอาจน้อยไปด้วยซ้ำ
ออกกำลังกายน้อย อายุสั้น อายุการทำงานก็อาจจะสั้นในบางสาขาวิชา

พี่คงได้เปรียบเทียบข้อดีข้อเสียก่อนตัดสินใจแล้วล่ะ
เราคงได้แค่บอกเฉยๆ

โชคดีค่ะ

TToTT

เอ่อ.....สวัสดีค่ะพี่ๆหมอทุกคนคือว่าหนูมีเรื่องจะมาขอคำแนะนำจากพี่ๆทุกคนค่ะ  คือว่าหนูอยากเป็นหมอมากๆแต่เนื่องจากเป้นความผิดพลาดของตัวหนูเองที่เตรียมตัวอ่านหนังสือไม่ดีเองทำให้ไม่มั่นใจว่าในการสอบครั้งนี้หนูจะประสบความสำเร็จหรือเปล่า แต่หนูสอบได้คณะสาธารณสุขแต่หนูไม่ชอบเรียนและคิดว่าถ้าจบมาแล้วก็คงไม่มีความสุขที่ไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองได้แต่ก็ต้องมาเครียดอีกก็แม่ของหนูอยากให้หนูมอบตัวแล้วเรียนคณะนี้เลย  ถ้าสอบติดแพทย์แม่ก็ให้เรียนแพทย์แต่ ถ้าสอบไม่ติดขึ้นมาซึ่งก็หมายความว่าหนูต้องเรียนสาธารณสุขที่แม่ของตนเองชื่นชอบเพียงเหตุผลที่ว่า งานสบาย เงินมีใช้ ไม่ต้องรับผิดชอบมากเหมือนกับแพทย์ ซึ่งก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่าไม่จริง แต่มันผิดมากหรือคะที่เรารักในงานตรงนี้ไม่ว่ามันจะเหน็ดเหนื่อยสักเเค่ไหนก็ตามถ้าเรามีใจที่รักที่จะทำในงานตรงนี้ก็หายเหนื่อยแล้วเลยอยากจะรบกวนถามพี่ๆหมอและคนทั่วไปว่าจะผิดไหมถ้าเกิดว่าสอบไม่ติดแล้วเราจะหยุดเรียนไปปีหนึ่งแล้วใช้เวลาที่มีอยู่ใน1ปีนี้ให้เต็มที่ในการอ่านหนังสือ ทำโจทย์เยอะๆเพื่อมาสอบใหม่ใน ปีหน้าต่อไปซึ่งหนูคิดว่าหนูทำได้แน่ๆ จริงๆนะคะ หรือจะเรียนตามที่แม่บอกไปก่อนแล้วซิ่วมาสอบแพทย์อีกทีแต่ในมหาลัยกิจกรรมก็เยอะไหนจะต้องอ่านหนังสือสอบในห้องเรียนและอ่านหนังสือเตรียมสอบแพทย์อีกด้วย  คิดว่าคงมีเวลาไม่มากพอที่จะเตรียมตัวสอบก็เลยอยากจะมาขอคำแนะนำจากพี่ๆว่าควรจะทำแบบไหนดีคะ