ข้อ 1. พี่เดาว่าเค้าคงไม่้รู้ว่าเราเรียนกันที่ไหน หรือ ประชดว่าต้องไปอ่านเองที่จาม 9
ซึ่งพี่พูดได้คำเดียวว่า คณะเราเรียนกันเต็มสตรีมมาก เปิดเรียนเร็วกว่าคณะอื่น (แม้อาจไม่เร็วเท่าคณะแพทย์ ต่างมหาลัย)
นอกจากนี้ อาจารย์ในคณะตั้งใจสอนสูงมาก เช้าจรดเย็น ปีนี้พี่โดนนัดเรียนเพิ่มวันวิสาขบูชามาแล้วด้วย --"
ส่วนที่ว่าเรียนแพทย์จุฬาฯ ไม่ได้ประสิทธิภาพ ... เค้าใช้อะไรมาวัดล่ะ ?
ข้อ 2. จุฬาฯ ไม่ได้รับแต่เด็กเตรียม แค่เผอิญว่า เด็กจุฬาฯ ส่วนใหญ่จบจากโรงเรียนเตรียม
(ลองไปดูประกาศรับสมัครทุกฉบับได้ ไม่มีข้อไหนระบุว่า สำเร็จการศึกษา ม.6 จากโรงเรียนเตรียม เขียนไว้แค่ จบ ม.6 เท่านั้น)
ส่วนอีกเรื่องนึง ที่เค้าบอกว่า จบแพทย์จุฬาฯ มาคงเป็นหมอตอนควาย ... เค้าใช้อะไรมาวัดล่ะ ?
นอกจากนี้การเอา สิ่งที่ไม่เป็นเหตุและผลมา link กัน มันก็ --" มาก (หมอตอนควาย เพราะ ปิดกั้นเด็ก มันไม่ใช่เหตุผลกันนะ)
อีกอย่างทุกวันนี้ก่อนน้องจะจบไปเป็นแพทย์เต็มตัว ทุกคณะจะ
ต้องสอบ วัดระดับความรู้มาตรฐานที่จัดขึ้นโดยส่วนกลาง
ที่เรียกว่า NLE (National License Examination) ในชั้นปีที่ 3, 5 และ 6 ซึ่งเป็นตัวชี้วัดได้ว่านิสิตในแต่ละที่มีผลการเรียนรู้เป็นอย่างไร
พี่ก็เห็นว่า แพทย์จุฬาฯ ทำคะแนนได้ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ รั้งท้ายตารางเลยนะน้อง
เอาเป็นว่า นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ... กาลามสูตร เป็นสิ่งสำคัญ
ทุกอย่างที่คุยกัน เราจะเอาเหตุผล เอาหลักฐานมากางกันไปเลย
สู้เค้าครับน้อง จบที่ไหนก็เป็นหมอที่ดีได้ เดี๋ยวนี้ความรู้มีเยอะแยะ
textbook online, หนังสือดีๆ เต็มไปหมด
ขึ้นกับว่าเราจะไขว่คว้ามันหรือเปล่า