เค้าเรียกเต็มๆว่า ปฏิบัติงานชดใช้ทุนครับ
ก็คือเมื่อจบ 6 ปีแล้ว น้องต้องไปปฏิบัติงานให้แก่รพ.รัฐ
หรือหน่วยงานราชการอื่นๆเช่น รพ.ของกทม. ทหารอากาศ ทหารเรือ ก็ได้เหมือนกัน
ระหว่างที่ทำงานไปก็ได้เงินเดือน บรรจุเป็นข้าราชการกระทรวงสธ.ครับ ยกเว้นว่าน้องไปทำงานรพ.กทม.ก็ไปสังกัดกทม. ไปรพ.ทหารก็บรรจุข้าราชการทหาร
เงินเดือนนี่ก้อ Vary ตามแต่ความกันดารและความอันตรายของสถานที่ครับ
ปกติก็จะอยู่ประมาณ 20000-30000 บาท (รวมค่าเวร เบี้ยกันดาร เงินไม่ทำคลินิกทุกอย่างแล้วนะ) แต่ถ้าลงไปใต้ก็เดือนนึงประมาณเฉียดแสนครับ
ส่วนการใช้ทุนที่เราเซ็นสัญญาไว้ก็คือ 3 ปีครับ
การเรียนต่อเฉพาะทางบางสาขาจะรับแต่แพทย์ที่ชดใช้ทุนครบ 3 ปีเท่านั้น เช่นพวก major ward ต่างๆ
แต่บางสาขาก็แค่ปฏิบัติงานเพิ่มพูนทักษะแค่ปีแรกปีเดียวก็สามารถเรียนได้เช่น X-ray วิสัญญี Oncomed ฯลฯ
บางสาขาก็ไม่ต้องไปใช้ทุนครับ ถือว่าเป็นสาขาขาดแคลน การเรียนต่อเฉพาะทางสาขานี้จะถือว่าเป็นการชดใช้ทุนไปในตัวเลย เช่นพยาธิวิทยา นิติเวช จิตเวชเด็ก Hemato ประมาณนี้
ส่วนการจะมาเรียนเฉพาะทางนั้น ทำได้ 2 วิธีครับ
แบบแรกคือ ขอทุนมาจากรพ.ต้นสังกัด ก็คือรพ.ไหนก็ได้ที่ยังขาดแคลนแพทย์ทางนั้นอยู่ แล้วเค้ายินดีให้ทุนเรามาเรียน เมื่อจบแล้วก็ต้องกลับไปทำงานใช้ทุนที่รพ.นั้น
แบบที่สองคือ free train คือไม่มีต้นสังกัด เรียนแบบอิสระนั่นเอง จบแล้วจะทำงานที่ไหนก็ได้
ระหว่าง 2 แบบนี้ แบบมีต้นสังกัดจะมีโอกาสได้เรียนมากกว่า (ได้โควตามากกว่า) แต่ก็แล้วแต่สาขาวิชาและสถานที่นะครับ
ส่วนเรื่องเกรดหรือเส้นสายอะไรนั่น เป็นของที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ครับ
เช่น ถ้าน้องจะรับแพทย์มาเรียนต่อ มีตัวเลือก 2 คน
คนแรก เกรดหรูเริ่ด แต่ไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน
อีกคนนึง เกรดกลางๆ แต่ว่าเคยมาปฏิบัติงานให้เห็นมาก่อน performance ดีมาก ขยันขันแข็ง
น้องจะเลือกใครครับ ?
ส่วนการใช้ทุนเป็นอาจารย์ ขึ้นอยู่กับการคุยกันและการตกลงกันของอาจารย์ครับ
ถ้าน้อง performance ดี อาจารย์พอใจ ไม่จำเป็นต้องเทพมากก็มีโอกาสครับ